เรียนฟิสิกส์ ไม่เข้าใจ ..ทำยังไงถึงจะเก่ง !? by Ondemand

หนึ่งในบรรดาวิชาวิทยาศาสตร์.. “ ฟิสิกส์ ” ที่เนื้อหาค่อนข้างเยอะ รายละเอียดยิบ จึงถือเป็นอันดับต้น ๆ ที่ทำให้น้องหลายคนโอดครวญ แต่ยังไงเสีย ถ้าเป็นเด็กสายวิทย์-คณิต ก็หนีสิ่งนี้ไปไม่พ้น เพื่อไม่ให้ทุกคนรีบถอดใจ วันนี้ OnDemand จึงมี 5 วิธีดี ๆ มาแนะนำ หลังจากอ่านจบ ลองนำไปปรับใช้ รับรองว่าอาการ เรียนฟิสิกส์ ไม่เข้าใจ จะหายวับไปแน่นอนครับ 1. ปรับทัศนคติ ไม่ต้องรอให้ใครเรียกตัว! การปรับทัศนคติเรื่องเรียนเริ่มได้ที่ตัวเราเอง น้อง ๆ หลายคนวนลูปอยู่กับการเรียนไม่รู้เรื่อง สอบไม่ผ่าน เกรดไม่สวย ทำเอาท้อแท้หดหู่ เบ้หน้าใส่วิชาฟิสิกส์ .. ก่อนอื่นต้องหยุดคิดว่า ฟิสิกส์นั้นยากเย็น หรือ คนอย่างเราชาตินี้คงไม่มีวันเก็ท ให้เริ่มรู้สึกก่อนว่าฟิสิกส์เป็นเรื่องในชีวิตประจำวัน อธิบายเรื่องใกล้ตัวทุก ๆ อย่างได้ การเดิน การขับรถ การทำกับข้าว เป็นฟิสิกส์ทั้งหมดเลย วิชานี้ไม่ได้มีแค่สูตรหน้าตาไม่เป็นมิตรนะ เปิดใจ..แล้วลองลุยกันสักตั้ง! 2. ทำความเข้าใจเนื้อหา เรียนฟิสิกส์…

|

7 วิธีทดสอบรักแท้ คณะที่เลือก ใช่คณะที่ใช่ !! จริงเหรอ?

การเข้ามหาวิทยาลัย เป็นอีกหนึ่งการตัดสินใจสำคัญในช่วงชีวิตวัยรุ่นของน้องๆ ครับ ก่อนที่น้องจะตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ไป แน่ใจกันดีหรือยังครับว่า นี่เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ ลองรับภารกิจจากพี่ไปดูกันก่อนครับ ไปทำให้ได้ครบทั้ง 7 ข้อ อาจต้องใช้เวลาสักหน่อย แต่เพราะการตัดสินใจครั้งนี้ของน้อง จะกำหนดชะตาชีวิตน้องในอนาคต หากจะให้เวลาค้นหาให้แน่ใจ คงไม่เป็นการเสียเวลาเกินไปใช่ไหมครับ 1. ได้ไปค่าย หรืองาน Open House หรือยัง ค่ายหรืองานเปิดบ้าน เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ดีมากๆ ที่จะทำให้น้องๆ ได้รู้จักคณะในมุมมองที่น้องอาจไม่เคยรู้มาก่อน หากน้องยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกคณะอะไร ลองไปค่าย หรือ Open house ดูหลายๆ ที่ หลายๆ คณะเลยครับ แต่หากตัดสินใจไปแล้วว่าจะเลือกคณะนั้น คณะนี้พยายามลองไปค่ายให้ได้หลายๆ สถาบัน เพื่อเปิดมุมมองของเราครับ หลังจากได้ไปค่ายหรือ Open House มา ลองกลับมานั่งทบทวนตัวเองครับ หากระดาษมาสักแผ่น แล้วเขียนตอบคำถามเหล่านี้ให้ได้เยอะที่สุด 1. อะไรที่เราชอบในตัวคณะนี้ 2. มีอะไรที่เราไม่ชอบบ้าง 3.หากเราเลือกคณะนี้ ชีวิตในอนาคตของเราจะเป็นอย่างไร พยายามเขียนไปให้ได้เยอะที่สุด และยิ่งน้องๆ ไปมาหลายคณะ หลายสถาบัน…

รวม 7 channel สายเรียน ไม่ติดตาม ไม่ได้แล้ว !!

Youtube channel เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่น้องๆ สามารถติดตามเหล่าพี่ๆ ที่มีตัวตนจริงๆ เป็นคนธรรมดาเดินดิน แต่มีสาระความรู้และประสบการณ์ที่น่าสนใจ มาให้ได้ติดตามกัน จะมีช่องไหนน่าสนใจสำหรับสายเรียนอย่างเราแล้วบ้าง ลองไปดูกันเลยครับ 1. Peanut Butter – สายจดโน้ต เทคนิคเพียบ พี่นัทจากช่อง Peanut Butter มีเทคนิคจดโน้ตน่ารักๆ อ่านง่าย และมีประสิทธิภาพมาแชร์ให้น้องๆ ได้นำไปใช้ตามหลายอย่าง เช่น เทคนิคการใช้ Masking tape ที่ช่วยให้โน้ตสบายตา สวยงาม และอ่านง่าย หรือเทคนิคการเขียน Bullet journal ที่จะช่วยให้น้องๆ วางแพลนของตัวเองในแต่ละวัน แต่ละสัปดาห์ และวางแพลนได้ยาวถึง 1 ปี ถ้าน้องๆ อยากหาเทคนิคใหม่ๆ มาช่วยในการเรียนหนังสือ ลองศึกษาวิธีจากพี่นัทแล้วนำมาปรับใช้กันดูนะครับ ติดตาม Channel Peanut Butter >> คลิก 2. NoteworthyMF – เรียนดีมีความสุข แบบพี่หมอมะเฟือง พี่มะเฟือง สาวนิสิตแพทย์จุฬา…

ต้องเรียนยังไง ? ถึงจะเก่งได้อย่างพี่เฌอ เฌอปราง BNK48

ณ วันนี้ พี่เชื่อว่าคงไม่มีน้องๆ คนไหนไม่รู้จัก กัปตันแห่งวง BNK48 หรือ พี่เฌอ เฌอปราง แน่นอนครับ เพราะนอกจากเธอจะมีชื่อเสียงแห่งการเป็นศิลปินวงไอดอลของเหล่าโอตะแล้ว เธอยังเป็นบุคคลที่น่าชื่นชม ที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการวิทยาศาสตร์ และรับผิดชอบการเรียนได้ดึ ถึงขนาดเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 อีกด้วย เรียกว่าเป็นคนที่เก่งครบเครื่อง สมกับที่น้องๆ ยกให้เป็นไอดอลจริงๆ เรามาส่องกันดีกว่าครับว่า กว่าจะเป็นเฌอปรางที่เก่งขนาดนี้ได้เนี่ย พี่เฌอ เค้าทำอะไร ทำอย่างไร จัดการชีวิตตัวเองอย่างไรบ้าง 1. รู้จักสิ่งที่ตัวเองรัก และให้ความสำคัญ พี่เฌอชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เด็กๆ รักการทดลอง รักการสังเกต มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เฌอลองเรียนตามคุณพ่อที่เป็น วิศวกรคอมพิวเตอร์ เลยลองเรียนเขียนโค้ดดู แต่เมื่อได้ลองแล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบขนาดนั้น ไม่ค่อยชอบทางนี้ ชอบเรียนอะไรที่เป็น วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มากกว่า จึงเลือกทางที่ตัวเองชอบ และพี่เฌอเลือกทางสายเคมี เพราะชอบในความเป็นมีทั้งส่วนที่คล้ายกับชีววิทยา และฟิสิกส์รวมเข้าด้วยกัน จงรู้จักสิ่งที่ตัวเองชอบ และเลือกทางนั้นอย่างไม่ลังเล เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราชอบและรักที่จะทำ จะพาเราไปได้ไกลที่สุด 2. รักการเรียนรู้สิ่งใหม่ ด้วยความที่พี่เฌอได้เรียนในโรงเรียนทางเลือก จึงมีโอกาสได้ทำโครงงานและได้รับมอบหมายให้อ่านหนังสือค้นคว้าสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ ตั้งแต่สมัยมัธยม ทำให้ติดนิสัยรักการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ…

เตรียมตัวได้เลย! 6 วิธี รับมือพี่ว๊ากโหด

ถ้ารับน้องแล้วต้องเจอพี่ว๊ากโหดๆ เราจะทำยังไงได้บ้างนะ จะทนไหวหรือเปล่า จะผ่านไปได้มั้ย น่าจะใกล้ถึงเวลามหากาพย์การรับน้องของ Dek62 แล้วใช่ไหมครับ น้องคิดว่าน้องจะเจอการรับน้องที่คณะของน้องโหดขนาดไหนกัน ยิ่งคณะใหญ่ๆ มีตำนานเปิดมาหลายสิบรุ่น หลายสิบปี มีประเพณีการรับน้องที่สืบทอดต่อๆ กันมา พี่ว่าการรับน้องในคณะหรือมหาวิทยาลัยเหล่านี้ จะต้องจัดหนักจัดเต็มแน่ๆ และหลายคณะจะต้องมีกลุ่มพี่ว๊าก หน้าโหดๆ นิสัยโหดๆ เตรียมรอต้อนรับน้องอย่างอลังการงานสร้าง น้องจะเตรียมตัวหรือใช้วิธีใดในการรับมือพี่ว๊ากโหดได้บ้าง ลองไปดูกันครับ . 1. โหดนักใช่มั้ย ให้พยายามเข้าหา “พี่ว๊ากเหรออ เจอน้องๆ รุมเป็นกลุ่มหน่อยจะเป็นยังไง” รุ่นพี่ที่ได้รับบทบาทเป็นพี่ว๊ากหรือผู้นำเชียร์ มักจะโหดแค่ภายนอกครับ อะไรๆ ก็ทำขู่ ทำดุ กดดันไว้ก่อน ไม่งั้นก็จะไม่สมกับมีฐานะเป็นผู้นำเชียร์สิ ให้น้องพยายามเข้าหาทำความรู้จักพี่ๆ เหล่านี้ พาเหล่าเพื่อนเหล่าแก๊งค์ เข้าไปล่ารายชื่อลายเซนต์ เข้าไปขอเป็นพี่เทคน้องเทค แต่น้องก็ต้องเตรียมรับมือกับภารกิจโหดๆ ด้วยนะครับ แน่นอนว่าไม่ใช่หมูๆ แน่ๆ ในการเข้าไปขอลายเซนต์กับกลุ่มพี่ว๊าก น้องอาจต้องหาจังหวะ ไปกันหลายๆ คน ตอนที่พี่ว๊ากอยู่คนเดียว อย่ากลัวที่จะเข้าหา เพราะน้องจะได้รุ่นพี่ที่น่ารักไว้คอยปรึกษาหลังหมดกิจกรรมรับน้องแน่ครับ . 2. มองเห็นเหตุผลของพี่ว๊าก “กิจกรรมที่กดดันให้เราเหนื่อยสุดๆ…

เทคนิคอ่านหนังสือสไตล์ฟรังๆ ฟรัง นรีกุล

สวัสดีครับ วันนี้พี่ Buddy TCASter พาพี่สาวน่ารักสดใส มาชวนให้น้องๆ มีแรงใจแรงกายตั้งใจเรียนอ่านหนังสือ ซึ่งก็คือ พี่ฟรัง ฟรัง นรีกุล นั่นเอง จากผลงานนักแสดงเรื่อง ฮอร์โมนส์ วัยว้าวุ่น ซีซั่น 2 ในบทของ ‘ออย’ ที่พี่ฟรังทำได้ดีจนหลายๆ คนอินจนเกลียดไปตามๆ กัน สู่การเป็นนิสิตแพทย์จุฬาฯ ซึ่งทำให้เธอได้กลายเป็นเน็ตไอดอลด้านการเรียนอย่างเต็มตัว หลายๆ คนคงสงสัยว่า โห! พี่ฟรัง ทั้งทำงาน ทั้งเรียนหนังสือ ทั้งเตรียมสอบ พี่ทำได้ยังไงกันนะ   พี่ฟรังได้ตอบน้องๆ ไว้หมดแล้วครับ ใน Youtube channel ของพี่ฟรังเองที่มีชื่อว่า LaohaiFrung หรือ เล่าให้ฟรังนั่นเอง แต่วันนี้พี่ TCASter จะสรุปให้น้องๆ ถึงวิธีการอ่านหนังสือที่เป็นเทคนิคของพี่ฟรัง เพื่อให้น้องๆ สามารถนำไปปรับใช้ในสไตล์ของตัวเองได้ทันที จะมีวิธีใดบ้าง เราไปดูกันเลยครับ 1. มีสมาธิ “บางคนชอบอ่านช่วงเช้า บางคนชอบอ่านในที่มีเพลง ให้เลือกตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ” การอ่านสำคัญที่สมาธิของเรา…

How to การสร้างแรงจูงใจในการเรียน

          บางครั้งตอนที่เราเรียนแล้วเป็นช่วงที่รู้สึกท้อแท้และเหนื่อย หรือบางช่วงที่เรารู้สึกว่าไม่รู้จะเรียนไปทำไม TCASter มี 4 วิธีการสร้างแรงจูงใจในการเรียนมาแนะนำ สร้างแรงจูงใจด้วยรางวัล     หากเราเรียนพียงอย่างเดียวโดยไม่รู้จักให้รางวัลตัวเองเลย จะก่อให้เกิดความเครียดจากการเรียนได้ เนื่องจากสมองไม่ได้ถูกคลายเครียด ทำให้ช่วงเวลาที่มีความสุขขาดหายไป การสร้างแรงจูงใจด้วยของรางวัลจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่สามารถสร้างแรงจูงใจในการเรียนได้ เช่น ถ้าเราตั้งใจเรียนจนสอบได้คะแนนดีจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปทานอาหารที่ชอบ หรือไปเที่ยว หรือทำสิ่งที่ชอบ  เป็นต้น คิดบวก          การคิดบวกเป็นอีกหนทางหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจในการเรียน ยกตัวอย่างเช่น กรณีการเรียนเรามีปัญหา หากเรามีความคิดแง่ลบ จะเกิดความเครียด เมื่อมีความเครียดก็จะหมดแรงบันดาลใจได้ แต่กลับกันหากเราคิดบวกเรื่องเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องเล็กและหนำซ้ำปัญหาเหล่านั้นยังเป็นเรื่องที่ช่วยให้เราได้พัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีได้อีก ดังนั้นเราลองมาคิดบวกเพื่อสร้างแรงบันดาลใจกันเถอะ ตั้งเป้าหมาย       การตั้งเป้าหมายเป็นอีกแนวคิดที่สามารถทำให้เรารู้ว่าเราจะทำสิ่งนั้นๆไปเพื่ออะไร โดยการกำหนดเป้าหมายเป็นสิ่งที่กระตุ้นการดำเนินชีวิตได้อย่างดี เช่น กำหนดเป้าหมายว่าภายในเวลาเท่านี้เราจะทำการบ้านเสร็จ หรือ ภายในหนึ่งเดือนเราจะอ่านหนังสือให้จบกี่วิชา เป็นต้น เริ่มจากการตั้งเป้าหมายเล็กๆ แค่วันละนิดก็จะทำให้เราสามารถมีแรงจูงใจในการเรียนได้เอง เปลี่ยนความคิด คิดว่าพัฒนาตนเอง       หลายๆคนหมดแรงบันดาลใจในการเรียน…