ณ วันนี้ พี่เชื่อว่าคงไม่มีน้องๆ คนไหนไม่รู้จัก กัปตันแห่งวง BNK48 หรือ พี่เฌอ เฌอปราง แน่นอนครับ เพราะนอกจากเธอจะมีชื่อเสียงแห่งการเป็นศิลปินวงไอดอลของเหล่าโอตะแล้ว เธอยังเป็นบุคคลที่น่าชื่นชม ที่สร้างชื่อเสียงให้กับวงการวิทยาศาสตร์ และรับผิดชอบการเรียนได้ดึ ถึงขนาดเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 อีกด้วย เรียกว่าเป็นคนที่เก่งครบเครื่อง สมกับที่น้องๆ ยกให้เป็นไอดอลจริงๆ เรามาส่องกันดีกว่าครับว่า กว่าจะเป็นเฌอปรางที่เก่งขนาดนี้ได้เนี่ย พี่เฌอ เค้าทำอะไร ทำอย่างไร จัดการชีวิตตัวเองอย่างไรบ้าง
1. รู้จักสิ่งที่ตัวเองรัก และให้ความสำคัญ
พี่เฌอชอบเรียนวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เด็กๆ รักการทดลอง รักการสังเกต มีอยู่ครั้งหนึ่งพี่เฌอลองเรียนตามคุณพ่อที่เป็น วิศวกรคอมพิวเตอร์ เลยลองเรียนเขียนโค้ดดู แต่เมื่อได้ลองแล้วก็รู้ว่าตัวเองไม่ได้ชอบขนาดนั้น ไม่ค่อยชอบทางนี้ ชอบเรียนอะไรที่เป็น วิทยาศาสตร์ธรรมชาติ มากกว่า จึงเลือกทางที่ตัวเองชอบ และพี่เฌอเลือกทางสายเคมี เพราะชอบในความเป็นมีทั้งส่วนที่คล้ายกับชีววิทยา และฟิสิกส์รวมเข้าด้วยกัน
จงรู้จักสิ่งที่ตัวเองชอบ และเลือกทางนั้นอย่างไม่ลังเล เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราชอบและรักที่จะทำ จะพาเราไปได้ไกลที่สุด
2. รักการเรียนรู้สิ่งใหม่
ด้วยความที่พี่เฌอได้เรียนในโรงเรียนทางเลือก จึงมีโอกาสได้ทำโครงงานและได้รับมอบหมายให้อ่านหนังสือค้นคว้าสิ่งแปลกใหม่อยู่เสมอ ตั้งแต่สมัยมัธยม ทำให้ติดนิสัยรักการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ บางที เราไม่รู้หรอกว่า เราจะเรียนสิ่งนี้ไปทำไม เรียนแล้วก็ดูไม่น่าจะได้ใช้ แต่สุดท้ายแล้ว ทุกสิ่งย่อมมีคุณค่าในตัวเอง ตอนนี้เราอาจไม่ได้ใช้ แต่สิ่งที่เราเรียนรู้ จะเป็นต้นทุนให้เราไปต่อยอดในอนาคตแน่ๆ อย่างตอนม.ต้น พี่เฌอก็ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนภาษาญี่ปุ่นแล้วจะได้เอาไปใช้อะไรหรือเปล่า รู้แต่ว่าเรียนเพราะอยากเรียนเท่านั้น แต่ท้ายที่สุดแล้ว ก็ได้มีโอกาสนำมาใช้ในงาน BNK48 ทำให้การรู้ภาษาญี่ปุ่นนี้ เป็นเสน่ห์อย่างยิ่งของ เฌอปราง BNK48
นิสัยรักการเรียนรู้ จะเป็นส่วนสร้างโอกาสใหม่ๆในชีวิต
3. ตั้งเป้าหมายให้ตัวเอง
ตอนที่พี่เฌอสอบเข้ามหาวิทยาลัย พี่เฌอรู้ว่าตัวเองชอบทางสายวิทยาศาสตร์ธรรมชาติ และต้องการทำงานต่อทางด้านนี้ ซึ่งงานสายนี้ ค่อนข้างใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก และพี่เฌอเองก็ไม่ได้ถนัดภาษาอังกฤษซักเท่าไหร่ ด้วยเหตุนี้เอง พี่เฌอจึงดึงภาษาอังกฤษออกมาตั้งเป็นเป้าหมายที่ท้าทายตัวเอง คือในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย จะต้องสอบไปเรียนต่อต่างประเทศหรือไม่ก็เรียนหลักสูตรนานาชาติเท่านั้น
เมื่อรู้อย่างนั้นแล้ว พี่เฌอจึงทุ่มเทอย่างหนักให้กับการเรียน และการสอบภาษาอังกฤษไม่ว่าจะเป็น IELTS CU-TEP หรืออื่นๆ จนท้ายที่สุดแล้วพี่เฌอก็สามารถเข้าเรียน วิทยาศาสตร์เคมี ภาคอินเตอร์ มหาวิทยาลัยมหิดลได้
จงเลือกเป้าหมายที่ท้าทายตัวเอง และเป้าหมายนั้นก็สนับสนุนสิ่งที่รักด้วย
4. ตั้งใจเรียนในห้องเรียน
หากจะมองหาเด็กเรียน ไม่ต้องไปมองหาที่ไหนไกลเลยครับ พี่เฌอ แคปเฌอของเรานี่เอง ใครจะคิดล่ะครับว่า เด็กเรียนๆ เนิร์ดๆ แบบนี้ จะกลายมาเป็นศิลปินสาวไอดอลในวันนี้ได้
พี่เฌอตั้งใจเรียนในห้องมากๆ และให้ความสำคัญกับการพูดคุยสอบถามอาจารย์ เรียกว่าสิ่งนี้คือสิ่งที่หล่อหลอมความเก่งให้กับเธอ มากโขเลยทีเดียว เรียนเป็นเรียน เล่นเป็นเล่น งานเป็นงาน คือสิ่งที่ไอดอลคนนี้เป็นครับ
จงตั้งใจเรียนในห้องเรียนให้ดีที่สุด มีคำถามสอบถามอาจารย์ได้เลย
5. ทบทวนบทเรียนทุกวัน
พี่เฌอปรางมีต้นทุนวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ที่ดีมากๆ เพราะด้วยความที่เป็นวิชาที่ชอบเรียน ทำให้ได้รับการสั่งสมพื้นฐานที่ดีมาตั้งแต่สมัยมัธยมต้น และสิ่งสำคัญที่พี่เฌอจะทำอยู่เสมอ คือการทบทวนบทเรียนในทุกวัน อย่างตอนที่พี่เฌอทำงานหนักๆ พี่เฌอก็จะใช้วิธีทำสรุปให้เสร็จภายในห้องเรียนวันนั้นแทน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง พี่เฌอก็จะหาเวลาทบทวนสิ่งที่เรียนจนได้ ไม่เช่นนั้น สิ่งที่เรียนไป ก็จะลืม ไม่มีความหมาย
เรียนแล้วทบทวน ไม่มีวันลืมง่ายๆ
6. มีตารางจัดการเวลาทุกสิ่ง
พี่เฌอจะจัดตารางเวลาไว้ 1 ปี ทำใหม่ทุกๆ ปี และพี่เฌอเริ่มทำอย่างนี้มาตั้งแต่ม.ปลาย โดยการจัดตารางเวลาจะทำให้พี่เฌอเห็นเลยว่า ช่วงไหนที่เราต้องอ่านหนังสือ ไปเที่ยวไม่ได้นะ ช่วงไหนที่พอจะเที่ยวได้ ช่วงเวลาไหนที่จะให้กับครอบครัว เพื่อจะได้เป็นส่วนคอยเตือนใจอยู่เสมอ ว่าใกล้สอบแล้วหรือยัง ช่วงไหนงานยุ่งจะไม่ค่อยได้อ่าน และจะมีช่วงที่ว่าง ก็เอาตารางอ่านมาใส่ตอนนั้น ทำให้เราใช้เวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และรู้ว่าช่วงไหนควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร
ตารางเวลา จะทำให้เรามองเห็นภาพรวมชีวิตของเราทั้งหมด
7. เมื่อถึงเวลาทำคือทำ
ความรับผิดชอบ เป็นส่วนสำคัญอย่างมากที่ทำให้พี่เฌอ เป็น เฌอปราง คนที่เป็นทุกวันนี้ เมื่อถึงเวลาต้องทำอะไร พี่เฌอก็จะทำตามนั้น ไม่มีมัวมาผลัดหรือปรับเปลี่ยนอะไร และพี่เฌอก็มีนิสัยส่วนตัวอยู่อย่างหนึ่ง คือเป็นคนที่อยู่ว่างๆ ไม่ได้ ต้องหาอะไรทำ มาคอยกดดันตัวเองอยู่เสมอ ทำให้มีสิ่งต่างๆ ให้ต้องทำอยู่ตลอด และเป็นส่วนที่ปลูกฝังให้พี่เฌอเป็นคนที่รับชอบงานได้มากถึงขนาดนี้
ถึงเวลาทำคือทำ และจะทำให้ได้ ตามที่วางแผนเอาไว้
8. เรียนรู้ตลอดเวลา
การเรียนรู้ไม่มีสิ้นสุด คือสิ่งที่พี่เฌอเชื่อมั่น ต่อให้เราจะเรียนจบมหาวิทยาลัยไปแล้ว ชีวิตก็ต้องคอยเรียนรู้ พัฒนาไป ไม่ทางใดก็ทางหนึ่งเสมอ เช่นต่อให้เราเรียนจบไปแล้ว เราก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมใหม่ในที่ทำงาน เราไม่มีทางที่จะไม่ต้องเรียนรู้อะไรใหม่ เพราะต่างองค์กร ก็ย่อมมีวัฒนธรรมที่แตกต่างกันเสมอ ต่อให้เป็นสายงานเดียวกันก็ตาม เพราะฉะนั้น อย่าปิดกั้นตัวเองจากการเรียนรู้ เพราะมันคือสิ่งจำเป็น
เปิดใจ เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ให้ตัวเองได้เรียนรู้ตลอดชีวิต
9. การสอบ ไม่ใช่ทุกอย่าง
ความเห็นของพี่เฌอ คือเราไม่ควรให้ค่ากับการสอบจนลืมไปว่า สอบแล้วจะได้อะไร สอบแล้วไปใช้อะไรต่อ เราไม่ควรไปมุ่งเน้นว่าการสอบคือทุกอย่าง ต้องสอบให้ติด ต้องสอบให้ได้ที่ 1 แต่ไม่ได้มองว่าทักษะหรือความรู้นั้นสำคัญอย่างไร เราได้ทักษะอะไรติดตัวมาบ้าง จึงควรให้ค่ากับความสำคัญในกระบวนการเรียนรู้ มากกว่าเพียงให้สอบผ่านเท่านั้น
สอบได้ที่ 1 จากการเป็นนักสอบ กับการเป็นนักเรียนนั้นต่างกัน
เต็มไปด้วยข้อคิดจริงๆ ครับกับศิลปินสาวคนนี้ หากน้องๆ อยากจะเก่งให้ได้อย่างแคปเฌอ ก็ต้องทำให้ได้อย่างแคปเฌอนะครับ สิ่งสำคัญ พี่ Buddy TCASter ว่า คือการเดินไปตามทาง เสียงหัวใจตัวเอง จงหาเสียงหัวใจตัวเองให้เจอ รู้จักสิ่งที่เรารัก สิ่งที่เราชอบจริงๆ เหมือนที่พี่เฌอเจอทางที่ใช่ของตัวเองนะครับ
จงลองทำสิ่งใหม่ๆ เพื่อค้นหาสิ่งที่ตัวเองรัก จงมองหาแรงผลัก เพื่อมุ่งมั่นตั้งใจอย่างไม่ย่อท้อ สู้ๆ ครับน้องๆ
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.facebook.com/bnk48official.cherprang/
ช่องทางติดตามพี่เฌอ
Instagram : cherprang.bnk48official
Facebook : @bnk48official.cherprang