ภาวะหมดไฟ หรือ burnout syndrome คือ ภาวะการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจที่เกิดจากความเครียดในการเรียนหรือทำงาน โดยอาการหลัก ๆ ของอาการมี ดังนี้
- เหนื่อยง่ายทั้งร่ายกาย และจิตใจ เป็นระยะเวลานาน ๆ ติดต่อกัน
- หดหู่ คิดเชิงลบเกี่ยวกับตนเอง มองความสามารถตนเองในเชิงลบ ประสบความสำเร็จยาก
- รู้สึกเหินห่างกับคนอื่น ไม่เป็นที่ต้องการ ความสัมพันธ์ทางสังคมเป็นไปในเชิงลบ
อาการหมดไฟมีหลายระยะ น้อง ๆ สามารถไปศึกษาเพิ่มเติมอาการเหล่านี้ได้ แต่ในขั้นแรก น้อง ๆ ควรรู้จักสังเกตตัวเองว่าเข้าข่ายอาการเหล่านี้หรือไม่ หากยิ่งสังเกตได้เร็ว เราก็จะยิ่งสามารถเปลี่ยนแปลงและจัดการอารมณ์ของเราได้เร็วเช่นกัน วันนี้พี่จึงได้รวบรวมวิธีการแก้ภาวะหมดไฟ หากคนไหนรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในอาการเหล่านี้..ลองใช้เทคนิคนี้ดู เชื่อว่าจะช่วยให้ภาวะหมดไฟหายไปอย่างแน่นอน!
- ปรับทัศนคติตัวเอง หากเรากำลังมีอารมณ์เชิงลบเข้ามาในหัวมากมาย อยากให้เราลองปรับทัศนคติ ลองคิดในเชิงบวก และลองหามุมมองใหม่ ๆ ว่าสิ่งที่เราเผชิญอยู่มีข้อดีอะไรบ้าง อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เราทำสิ่งนั้น พยายามปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ และมองอุปสรรคเป็นแรงผลักดันให้เราก้าวไปต่อ
- หางานอดิเรกที่ชอบ หางานอดิเรกมาเป็นตัวช่วย เป็นอีกวิธีที่จะทำให้น้อง ๆ ไม่เก็บหลาย ๆ เรื่องไปคิด ใช้เวลากับงานอดิเรกให้มากขึ้น ดีกว่าอยู่แบบคิดฟุ้งซ่าน
- ทำงานให้พอดี พยายามอย่าเอางานกลับไปทำที่บ้านถ้าไม่จำเป็น ควรแบ่งเวลางานและเวลาพักให้เป็นสัดส่วนเพื่อไม่ให้ร่างกายทำงานหนักตลอดเวลา
- หนีออกจากบรรยากาศเดิม ๆ หาเวลาผ่อนคลาย การให้เวลาพักผ่อนกับตัวเองเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ดี ลองเปลี่ยนบรรยากาศ ออกไปรับลมธรรมชาติ หรือไปในที่ที่เราอยู่แล้วรู้สึกดี หนีออกจากบรรยากาศเดิม ๆ ก็จะช่วยให้เรามีไฟกลับมาเรียนหรือทำงานได้อีกครั้ง
- นอนให้เป็นเวลา ในบางกรณีอาจเป็นเรื่องยากที่เราจะข่มตานอน ลองปรับเวลานอนใหม่ โดยเมื่อถึงเวลาหัวค่ำให้ลองปิดโทรศัพท์ หรืองดการเล่นโซเซียล / สื่อต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว และพยายามปิดไฟนอน หากในกรณีที่นอนไม่หลับจริง ๆ พี่แนะนำให้อ่านหนังสือ หรือ เปิดเพลงบรรเลงก็อาจจะช่วยให้เรานอนหลับสนิทได้มากขึ้น
- ปรับการกิน การกินอาหารที่มีประโยชน์ และครบ 5 หมู่ จะส่งผลให้ร่างกายของน้อง ๆ แข็งแรง สารอาหารและวิตามินจะช่วยบำรุงร่างกายให้ดีขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมดื่มน้ำเปล่าเยอะ ๆ ด้วยล่ะ
- ปรึกษาแพทย์ ในกรณีที่อาการไม่ดีขึ้น ทางออกที่ดีที่สุดคือการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รับคำแนะนำให้ถูกต้อง แพทย์อาจช่วยแนะนำ และจ่ายยาที่เหมาะสมกับอาการดีกว่าเราไปหายาหรือวิตามินทานเอง <เพิ่มเบอร์กรมสุขภาพจิต หรือ hotline>
ช่องทางที่ให้บริการการปรึกษา
– สายด่วนสุขภาพจิต
เบอร์ : 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง
Inbox : 17.00 – 22.00 น.
ค่าบริการ : ฟรี
– Samaritans Tahiland
กรุงเทพมหานคร : 02 – 713 – 6793 ทุกวัน เวลา 12.00 – 22.00 น.
เชียงใหม่ : 053 – 225 – 977 ถึง 78 ทุกวัน เวลา 19.00 – 22.00 น.
ค่าบริการ : ฟรี
อาการหมดไฟไม่ใช่เรื่องแปลก สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน แต่ขึ้นอยู่กับว่าเราสามารถรับมือกับมันได้ดีหรือเปล่า? บางคนอาจเคยตกอยู่ในภาวะหมดไฟแต่สามารถจัดการกับความรู้สึกของตัวเองได้ดี ก็สามารถรับมือได้ แต่ในบางกรณีที่อยู่ในภาวะหมดไฟเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต ดังนั้นน้อง ๆ ควรหมั่นสังเกตตัวเองให้ดีและรีบหาทางแก้ หากทำแล้วไม่ดีขึ้นจริง ๆ แนะนำให้น้อง ๆ ลองปรึกษาคนรอบตัว คุณพ่อ คุณแม่ หรือ ปรึกษาแพทย์ เพื่อหาทางรักษา
อย่างไรก็ตาม..ทุกอย่างล้วนต้องใช้เวลาในการเยียวยา! การปรับตัวก็ต้องค่อย ๆ ปรับกันไป หากใครมีอาการหมดไฟ..ก็อย่าเพิ่งท้อกันนะ!! ค่อย ๆ ปรับค่อย ๆ