Follow us on

ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับโครงการทุนเปลี่ยนชีวิต

นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)
ประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice)
นโยบายการใช้คุกกี้ (Cookies Policy)
ข้อตกลงและเงื่อนไขการใช้บริการ (Term and Condition)
แบบฟอร์มการใช้สิทธิ์ความเป็นส่วนตัว

มูลนิธิเลิร์น ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท เลิร์น คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)และธุรกิจที่ร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการ ได้แก่ OnDemand, Farose Academy, Da’Vance, TCASter รวมเรียกว่า (“บริษัท”) เคารพและให้ความสำคัญในสิทธิความเป็นส่วนตัวเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครขอรับทุนการศึกษา ผู้เข้าร่วมโครงการ (“ท่าน”) และมีความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ที่อยู่ภายใต้ความดูแลของบริษัท และมุ่งมั่นที่จะจัดการข้อมูลดังกล่าว ด้วยวิธีการที่มั่นคงปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ในการนี้ บริษัทจึงได้จัดทำประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) สำหรับโครงการทุนเปลี่ยนชีวิตฉบับนี้ (“ประกาศ”) เพื่ออธิบายถึงวิธีการปฏิบัติต่อข้อมูลส่วนบุคคล และข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว และชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ การเปิดเผย และวัตถุประสงค์ที่บริษัทได้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พร้อมแจ้งสิทธิต่าง ๆ ของท่าน ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้

ข้อ 1     คำนิยาม

ผู้สมัครทุน” หมายถึง ผู้สมัครขอรับทุนการศึกษา หรือผู้สนใจเข้าร่วมโครงการที่บริษัทจัดขึ้นหรือที่บริษัทมีส่วนในการให้การสนับสนุนโครงการ
ผู้เข้าร่วมโครงการ หมายถึง ผู้รับรองตามหนังสือรับรองที่ผู้สมัครทุนนำส่งให้แก่บริษัท เช่น คุณครู หรือผู้ปกครอง
โครงการ หมายถึง โครงการ LIFE CHANGING PROGRAM ทุนเปลี่ยนชีวิต หรือโครงการที่เกี่ยวข้องซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสนับสนุนเยาวชนไทยที่ต้องการโอกาสและทุนทรัพย์ หรือโครงการอื่นๆ ที่สนับสนุนเยาวชนไทย ด้วยการกระจายเทคโนโลยีและนวัตกรรมการศึกษา ให้เข้าถึงเยาวชนที่ต้องการโอกาสและทุนทรัพย์
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลธรรมดาซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
ข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใด ซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในทำนองเดียวกัน ตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด

ข้อ 2.    ประเภทข้อมูลส่วนบุคคล

            บริษัทเก็บรวบรวมข้อมูลของท่านซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ โดยอาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสาร หรือช่องทางออนไลน์ที่เราได้กำหนด ซึ่งได้แก่ข้อมูล ดังนี้

(1)     ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น วันเดือนปีเกิด อายุ 

(2)     ข้อมูลการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ อีเมล ข้อมูลบัญชีโซเชียลมีเดีย (Social Media Account) เช่น Line ID 

(3)     ข้อมูลเกี่ยวกับการศึกษาเช่น โรงเรียนที่ศึกษาอยู่ ระดับชั้น ประวัติการศึกษา ผลการศึกษาเกรดเฉลี่ย คณะที่อยากเข้า แผนการเรียน ใบรับรองคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ระบุในใบสมัคร และคุณสมบัติ ความสำเร็จ และความสามารถอื่น ๆ

(4)     ข้อมูลการสัมภาษณ์ เช่น วีดีโอการแนะนำตัว ข้อมูลที่ท่านแจ้งแก่บริษัทในระหว่างการสัมภาษณ์ 

(5)    ข้อมูลที่ใช้ประกอบเป็นหลักฐานในการรับทุน เช่น สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาใบเกรดเฉลี่ยภาคเรียนล่าสุด หนังสือรับรอง เอกสารประกอบรายได้ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) เช่น หนังสือรับรองรายได้ครอบครัว (ถ้ามี) หรือหลักฐานการกู้ยืม (ถ้ามี) หรือเอกสารการจ่ายภาษีเงินได้ (ถ้ามี)

(6)    ข้อมูลผู้เข้าร่วมโครงการหรือบุคคลภายนอกที่ท่านให้ไว้หรือข้อมูลที่บริษัทได้จากบุคคลภายนอก เช่น ข้อมูลชื่อ นามสกุล ตำแหน่ง สังกัด เบอร์โทรศัพท์ของอาจารย์ที่ปรึกษา คุณครูลงที่ชื่อรับรอง กรณีนักเรียนที่กำลังเรียนม.4-ม.6  และชื่อ นามสกุลบิดา มารดา จำนวนคนในครอบครัว รายได้ ภาระ ค่าใช้จ่าย หนี้สินของครอบครัว รวมถึงข้อมูลผู้ปกครองที่ลงชื่อรับรอง กรณีนักเรียนที่จบ ม.6 แล้ว  

(7)     ข้อมูลอื่นๆ เช่น ข้อมูลเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว ความคิดเห็นของท่าน ตลอดระยะเวลาการเข้าร่วมกิจกรรม 

ข้อ 3.    ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว

            บริษัทไม่มีความประสงค์ให้บริษัทจัดเก็บ รวบรวม ใช้ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหวของท่าน แต่หากข้อมูลดังกล่าวปรากฏอยู่บนบัตรประจำตัวประชาชน ทะเบียนบ้าน หรือเอกสารอื่นใดที่ท่านได้สมัครใจเปิดเผยไว้ต่อบริษัท เช่น เชื้อชาติ ข้อมูลหมู่โลหิต หรือข้อมูลศาสนา และท่านได้ทำการส่งมอบข้อมูลใด ๆ ซึ่งปรากฏข้อมูลที่มีลักษณะเช่นว่านี้ให้แก่บริษัทไม่ว่าจะเป็นการส่งมอบข้อมูลในลักษณะเป็นเอกสาร หรือสื่ออื่นใด บริษัทแนะนำให้ท่านเป็นผู้ปกปิดข้อมูลอ่อนไหวเหล่านี้ ด้วยตัวท่านเอง โดยวิธีการขีดฆ่าข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว อย่างไรก็ตามหากท่านมิได้ปกปิดข้อมูลด้วยตัวท่านเอง บริษัทถือว่าท่านได้อนุญาตโดยชัดแจ้งให้บริษัททำการปกปิดข้อมูลเหล่านี้ให้แก่ท่าน และให้ถือว่าข้อมูลที่ท่านส่งมอบมานี้ ซึ่งบริษัทได้จัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวให้แก่ท่านแล้วเป็นเอกสารที่สมบูรณ์ ใช้บังคับได้ตามกฎหมายทุกประการ และให้บริษัทสามารถนำไปประมวลผลได้ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ทั้งนี้ หากเป็นกรณีที่บริษัทไม่สามารถจัดการปกปิดข้อมูลอ่อนไหวแก่ท่านได้เนื่องด้วยปัญหาเชิงเทคนิค หรือปัญหาอื่นใด บริษัทจะทำการจัดเก็บข้อมูลอ่อนไหวนี้เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเอกสารยืนยันตัวตนของท่านเท่านั้น

ข้อ 4.    แหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล

            บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้

          4.1  ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง

บริษัทเก็บรวบรวมและรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยได้รับจากท่านโดยตรง ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบเอกสาร หรือข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ หรืออาจให้ท่านกรอกข้อมูลลงในเอกสารที่บริษัทจัดเตรียมไว้ หรือกรอกข้อมูลลงในแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ทางบริษัทได้กำหนด รวมถึงกรณีที่ท่านเข้าสัมภาษณ์ เข้าทำสัญญากับบริษัท และส่งมอบเอกสารต่าง ๆ ซึ่งมีข้อมูลส่วนบุคคลของท่านปรากฏอยู่มาให้กับบริษัทเพื่อประการสมัครเข้าร่วมโครงการ

          4.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก

บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลที่สาม และ/หรือบุคคลอื่นใดที่เป็นผู้ควบคุมข้อมูล โดยบริษัทเชื่อโดยสุจริตว่าบุคคลเหล่านั้น เป็นผู้มีสิทธิประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล และมีสิทธิเปิดเผยข้อมูลให้แก่บริษัทได้ ซึ่งอาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะ หน่วยงานของรัฐ โรงเรียน สถาบันการสถานศึกษา คุณครู อาจารย์ ผู้รับรอง ผู้ปกครอง บิดา มารดา โดยอาจเป็นข้อมูลใดที่ได้จากการโต้ตอบทางโทรศัพท์ และข้อมูลที่ได้จาก หรือเกี่ยวข้องกับการเข้าร่วมโครงการ       

ข้อ 5.    วัตถุประสงค์และฐานการประมวลผลข้อมูล

            5.1        บริษัทประมวลผลข้อมูลโดยอาจอาศัยหรืออ้าง (1) ฐานความยินยอมเพื่อประมวลผลข้อมูลของท่าน (2) ฐานการปฏิบัติตามสัญญา สำหรับการเริ่มต้นทำสัญญา หรือการเข้าทำสัญญา หรือการปฏิบัติตามสัญญากับท่าน (3) ฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของบริษัท (4) ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทและของบุคคลภายนอก (5) ฐานการป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล และ/หรือ (6) ฐานประโยชน์สาธารณะสำหรับการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือปฏิบัติหน้าที่ในการใช้อำนาจรัฐ หรือฐานทางกฎหมายอื่น ๆ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด แล้วแต่กรณี ซึ่งในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลของท่านโดยแยกตามกิจกรรมที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล ดังที่ระบุตามตารางนี้

ลำดับ วัตถุประสงค์ ฐานการประมวลผล
1 เพื่อการรับสมัครเข้าร่วมโครงการ การสัมภาษณ์ การคัดเลือกผู้ที่จะได้รับทุน การคัดกรองประวัติ การติดต่อ เพื่อดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับการสมัครเข้าร่วมโครงการ และการพิจารณาให้ทุน การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
2 เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล การบันทึกวีดีโอการแนะนำตัว การประเมินและให้คะแนน เพื่อการพิจารณาให้ทุน เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
3 เพื่อการติดต่อสอบถามหรือยืนยันข้อมูล การตรวจสอบประวัติการศึกษา ตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครทุน ไม่ว่าจากการพิจารณาข้อมูลที่ได้รับจากผู้สมัครทุน หรือจากผู้เข้าร่วมโครงการ เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
4 เพื่อการถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว ความสำเร็จ ของผู้สมัครทุนที่ผ่านการคัดเลือกที่มีลักษณะเจาะจง เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดโครงการของบริษัทผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ เฟสบุค อินสตราแกรม สื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ของบริษัท การปฏิบัติตามสัญญา/เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
5 เพื่อการถ่ายภาพนิ่ง หรือภาพเคลื่อนไหว ของผู้สมัครทุนที่ไม่ผ่านการคัดเลือกที่มีลักษณะเจาะจง เพื่อวัตถุประสงค์ในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการจัดโครงการของบริษัทผ่านช่องทางต่างๆ เช่น เว็บไซต์ เฟสบุค อินสตราแกรม สื่อโซเชียลมีเดีย รวมถึงช่องทางการสื่อสารต่าง ๆ ของบริษัท ความยินยอม

          5.2      ในกรณีท่านต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือสัญญาหรือมีความจำเป็นต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อเข้าทำสัญญาหรือต้องให้ข้อมูลด้วยประการอื่นใด หากท่านไม่ประสงค์ที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัทอาจมีผลกระทบทางกฎหมาย หรืออาจทำให้บริษัท ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี) ในกรณีดังกล่าว บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการให้สวัสดิการหรือสิทธิประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับท่าน ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน

          5.3      ในกรณีที่บริษัทจะดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในลักษณะ และ/หรือเพื่อวัตถุประสงค์ที่ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศนี้ บริษัทจะจัดให้มีประกาศเกี่ยวกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม เพื่ออธิบายการประมวลผลข้อมูลในลักษณะดังกล่าว โดยท่านควรอ่านประกาศเพิ่มเติมที่เกี่ยวข้องร่วมกับประกาศฉบับนี้

ข้อ 6.       การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล

          6.1      บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในเอกสารการให้ความยินยอม หรือที่บริษัทได้แจ้งให้ท่านทราบเท่านั้น ซึ่งบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคล หรือองค์กร นิติบุคคลอื่น ดังต่อไปนี้

(1) ผู้บริหาร พนักงาน และ/หรือบุคลากรภายใน ของบริษัทเท่าที่เกี่ยวข้อง และตามความจำเป็น เพื่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่มีหน้าที่ดำเนินการให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ในประกาศฉบับนี้

(2) ผู้ให้บริการและผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัท มอบหมายหรือว่าจ้างให้ทำหน้าที่บริหารจัดการหรือประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลให้แก่บริษัท ในการให้บริการต่าง ๆ รวมถึงผู้ที่ทำหน้าที่ในนามบริษัท หรือร่วมกับบริษัท เพื่อดำเนินวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ และมีความจำเป็นอย่างสมเหตุสมผลที่ต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเพื่อทำให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ทางธุรกิจของบริษัท

(3)  บุคคลหรือหน่วยงานอื่นใดที่ท่านให้ความยินยอมให้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านต่อบุคคลหรือหน่วยงานนั้น ๆ

          6.2      บริษัทจะกำหนดให้ผู้ที่ได้รับข้อมูลมีมาตรการปกป้องข้อมูลของท่านอย่างเหมาะสม และประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเท่าที่จำเป็นเท่านั้น และจะดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้มีการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยปราศจากอำนาจโดยมิชอบ รวมถึงจะดำเนินการภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดในประกาศฉบับนี้ หรือวัตถุประสงค์อื่นที่กฎหมายกำหนดให้กระทำได้เท่านั้น โดยในกรณีที่กฎหมายกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอมจากท่าน บริษัทจะขอความยินยอมจากท่านก่อน

ข้อ 7.    การส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลไปต่างประเทศ

            บริษัทอาจเก็บข้อมูลของท่านบนคอมพิวเตอร์เซิร์ฟเวอร์ หรือคลาวด์ที่ให้บริการโดยบุคคลอื่น และอาจใช้โปรแกรมหรือแอปพลิเคชันของบุคคลอื่นในรูปแบบของการให้บริการซอฟท์แวร์สำเร็จรูปและรูปแบบของการให้บริการแพลตฟอร์มสำเร็จรูปในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน แต่บริษัท จะไม่อนุญาตให้บุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลได้ และจะกำหนดให้บุคคลอื่นเหล่านั้นต้องมีมาตรการคุ้มครองความมั่นคงปลอดภัยที่เหมาะสม

            ในกรณีที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัท จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าประเทศปลายทาง องค์การระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศนั้นมีมาตรฐานการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอหรือเพื่อทำให้แน่ใจว่าการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด โดยในบางกรณี บริษัท อาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศดังกล่าว

ข้อ 8.       ระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

          8.1      บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลเท่าที่มีความจำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ของการประมวลผล ตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ แบ่งได้ดังนี้

1)          บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครทุนที่ได้รับเลือกให้ได้รับทุนโดยมีกำหนดระยะเวลา 10 (สิบ) ปี นับถัดจากปีที่สิ้นสุดการเข้าร่วมโครงการ

2)          บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้สมัครทุนที่สมัครเข้าร่วมโครงการ แต่ไม่ได้รับเลือกโดยมีกำหนดระยะเวลา 3 (สาม) ปี นับถัดจากปีที่ได้สมัครเข้าร่วมโครงการ  

3)           บริษัทจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้เข้าร่วมโครงการ โดยมีกำหนดระยะเวลา 3 (สาม) ปี นับถัดจากปีที่ผู้สมัครทุนได้สมัครเข้าร่วมโครงการ  

4)       กรณีที่บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยขอความยินยอมจากผู้สมัครทุน บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจนกว่าผู้สมัครทุนจะแจ้งขอยกเลิกความยินยอม

5)       ในกรณีมีการขอใช้สิทธิตามที่ระบุในประกาศฉบับนี้ บริษัทจะเก็บหลักฐานประวัติการใช้สิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลไว้ 1 (หนึ่ง) เดือน นับถัดจากเดือนที่บริษัทพิจารณาคำขอของท่านแล้วเสร็จ

          8.2        กรณีอื่น ๆ บริษัทอาจจะเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ตราบเท่าที่จำเป็นตามสมควรเพื่อปฏิบัติตามหน้าที่ของบริษัท และเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ในประกาศนี้ กรณีที่ไม่สามารถกำหนดระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลได้ชัดเจน บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลไว้ตามระยะเวลาที่อาจคาดหมายได้ตามมาตรฐานของการเก็บรวบรวม (เช่น อายุความตามกฎหมายทั่วไปสูงสุด 10 ปี)  ทั้งนี้ หากมีการดำเนินการทางศาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจถูกจัดเก็บไว้จนกว่าจะสิ้นสุดการดำเนินการดังกล่าว รวมถึงระยะเวลาใด ๆ ในการดำเนินการที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ จากนั้นข้อมูลของท่านจะถูกลบหรือเก็บตามที่กฎหมายอนุญาต

          8.3        เมื่อพ้นระยะเวลาที่กำหนดแล้ว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวเป็นข้อมูล      ที่ไม่สามารถระบุตัวบุคคลที่เป็นเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลได้ หรือดำเนินการอื่นใดตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด เพื่อให้การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลบางอย่างไว้นานกว่าที่ระบุข้างต้น หากจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติตามกฎหมาย หรือเป็นการปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน หรือหน่วยงานของรัฐที่มีอำนาจผู้เกี่ยวข้อง และเพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจหรือโดยชอบตามกฎหมาย

ข้อ 9.    สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล

            บริษัทเคารพสิทธิส่วนบุคคลของท่าน และเปิดโอกาสให้ท่านสามารถเลือกวิธีการควบคุม หรือวิธีการที่บริษัทใช้ติดต่อท่าน โดยบริษัทจะปฏิบัติตามที่ท่านได้ร้องขอ เพื่อช่วยให้เกิดความโปร่งใส และเพื่อคุณภาพของข้อมูล และความถูกต้องของข้อมูล ท่านมีสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโดยท่านสามารถส่งคำขอให้บริษัททราบเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านช่องทางที่บริษัทกำหนดในการดำเนินการตามสิทธิ ดังต่อไปนี้

1)  สิทธิ์ขอเพิกถอนความยินยอม: หากน้องได้ให้ความยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่น้องให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น)  น้องมีสิทธิ์ที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลของน้องอยู่กับเรา โดยการเพิกถอนความยินยอมไม่ส่งผลกระทบต่อการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่น้องได้ให้ความยินยอมไว้แล้วโดยชอบ เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธิ์นั้นโดยกฎหมาย หรือโดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ หรือมีสัญญาระหว่างน้องกับเราที่ให้ประโยชน์แก่น้องอยู่ หรืออาจส่งผลให้เราไม่สามารถดำเนินการเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์บางส่วนหรือทั้งหมดตามที่ระบุไว้ในเอกสารฉบับนี้ได้

     ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของน้องอาจส่งผลกระทบต่อน้อง จากการใช้บริการต่าง ๆ เช่น น้องจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ โปรโมชั่น หรือข้อเสนอใหม่ ๆ ไม่ได้รับบริการที่สอดคล้องกับความต้องการของน้อง หรือไม่ได้รับข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์ เป็นต้น เพื่อประโยชน์ของน้อง จึงควรศึกษาและสอบถามถึงผลกระทบก่อนใช้สิทธิ์ขอถอนความยินยอม

2)  สิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล: น้องมีสิทธิ์ขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของน้องที่อยู่ในความรับผิดชอบของเรา และขอให้เราทำสำเนาข้อมูลดังกล่าวให้แก่น้อง รวมถึงขอให้เราแบ่งปันว่าเราได้ข้อมูลส่วนบุคคลของน้องมาได้อย่างไร เว้นแต่กรณีที่เรามีสิทธิ์ปฏิเสธคำขอของน้องตามกฎหมาย หรือคำสั่งของศาล หรือกรณีที่คำขอของน้องจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

3)  สิทธิ์ในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล: น้องมีสิทธิ์ขอให้โอนข้อมูลส่วนบุคคลของน้องในกรณีที่เราได้จัดทำข้อมูลส่วนบุคคลนั้นอยู่ในรูปแบบให้สามารถอ่านหรือใช้งานได้ด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติ และสามารถใช้หรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิ์ขอให้เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นเมื่อสามารถทำได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ และมีสิทธิ์ขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่เราส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลในรูปแบบดังกล่าวไปยัง ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่นโดยตรง เว้นแต่ไม่สามารถดำเนินการได้เพราะเหตุทางเทคนิค

4)  สิทธิ์ขอคัดค้าน: น้องมีสิทธิ์ขอคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของน้องในเวลาใดก็ได้ หากการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของน้องทำขึ้นเพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของเรา หรือของบุคคลหรือนิติบุคคลอื่นโดยไม่เกินขอบเขตที่น้องสามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล หรือเพื่อดำเนินการตามภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาด หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ประวัติศาสตร์ หรือสถิติ

หากน้องยื่นคัดค้าน เราจะยังคงดำเนินการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของน้องต่อไป เฉพาะที่เราสามารถแสดงเหตุผลตามกฎหมายได้ว่ามีความสำคัญยิ่งกว่าสิทธิ์ขั้นพื้นฐานของน้อง หรือเป็นไปเพื่อการยืนยันสิทธิ์ตามกฎหมาย การปฏิบัติตามกฎหมาย หรือการต่อสู้ในการฟ้องร้องตามกฎหมาย ตามแต่ละกรณี

5)  สิทธิ์ขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล: น้องมีสิทธิ์ขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของน้อง หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของน้องได้ หากน้องเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลของน้องถูกประมวลผลโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือเห็นว่าเป็นกรณีที่เราหมดความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในประกาศฉบับนี้ หรือเมื่อเราเห็นว่าสามารถปฏิบัติตามที่น้องได้ใช้สิทธิ์ขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิ์ขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้นแล้ว

6)  สิทธิ์ขอให้ระงับการใช้ข้อมูล: น้องมีสิทธิ์ขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราวในกรณีที่เราอยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิ์ขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคล หรือขอคัดค้านของน้อง หรือกรณีอื่นใด ที่เราหมดความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของน้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแต่น้องขอให้เราระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทน

7)  สิทธิ์ขอให้แก้ไขข้อมูล: หากน้องเห็นว่า ข้อมูลส่วนบุคคลของน้องไม่ถูกต้องตามที่เป็นจริง น้องสามารถแจ้งเราเพื่อให้แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงข้อมูลส่วนบุคคลของน้องให้ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ให้เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิดได้ 

ทั้งนี้ หากน้องประสงค์จะขอแก้ไขข้อมูลเกี่ยวกับภาพ เราจะทำการแก้ไขเฉพาะรายการข้อมูลที่เกี่ยวกับภาพของน้องเพื่อให้ถูกต้อง ตามความจำเป็นของเราที่ชอบด้วยกฎหมาย และในกรณีที่การดำเนินการตามคำขอก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเราอาจเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าว โดยในกรณีเรามีเหตุให้ปฏิเสธคำร้องขอของน้อง เราจะจัดทำบันทึกการปฏิเสธคำขอ พร้อมด้วยเหตุผลไว้เป็นหลักฐานด้วย

8)  สิทธิ์ร้องเรียน: น้องมีสิทธิ์ร้องเรียนต่อเราผ่านช่องทางเว็ปไซต์ โดยเลือกแบบฟอร์มร้องเรียนการประมวลผลข้อมูลในเว็บไซต์ของบริษัท หากน้องเชื่อว่าการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล เป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืน หรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง

ข้อ 10.     วิธีการใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูล

  10.1    การร้องขอใด ๆ เพื่อการใช้สิทธิของท่านจะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษรผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ซึ่งบริษัทได้จัดให้มีขึ้นในเว็บไซต์ของบริษัท หรือกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มคำขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล หรือในกรณีท่านประสงค์ใช้สิทธิถอนความยินยอมสามารถกรอกข้อมูลผ่านแบบฟอร์มคำขอถอนความยินยอม

            ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดที่จะดำเนินการภายในระยะเวลาที่สมเหตุสมผล และไม่เกินระยะเวลา 30 วัน นับแต่ได้รับคำร้อง อย่างไรก็ดี บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่าน ในกรณีที่มีข้อยกเว้นตามกฎหมาย หรือบริษัทจะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาได้ หรือมีผลกระทบกับการปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญา หรือเป็นการปฏิเสธตามคำสั่งศาล หรือหากบริษัทดำเนินการตามคำขอของท่านจะส่งผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น โดยบริษัทจะดำเนินการบันทึกการปฏิเสธคำร้องขอพร้อมด้วยเหตุผลไว้ ทั้งนี้ หากปรากฏอย่างชัดเจนว่าคำร้องขอของท่านเป็นคำร้องขอที่ไม่สมเหตุสมผล หรือคำร้องขอฟุ่มเฟือยบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการดำเนินการตามที่ท่านร้องขอในอัตราที่บริษัทกำหนด

  10.2      บริษัทจะพยายามอย่างเต็มที่ตามความสามารถของระบบงานที่เกี่ยวข้องเพื่ออำนวยความสะดวกและดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน เว้นแต่จะปรากฏข้อเท็จจริงว่า การดำเนินการตามคำร้องขอนั้นเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของผู้ใช้งานรายอื่น หรือเป็นการขัดต่อกฎหมาย หรือนโยบายความปลอดภัยของระบบ  หรือกรณีที่เป็นการพ้นวิสัยในทางปฏิบัติตามคำร้องขอ เนื่องมาจากเหตุทางเทคนิค

  10.3      ในบางสถานการณ์บริษัทอาจขอให้ท่านพิสูจน์ตัวตนของท่านก่อนการใช้สิทธิเพื่อความปลอดภัยของท่านเอง โดยบางครั้งอาจเกิดข้อจำกัดในการขอใช้สิทธิของท่านบางประการ ซึ่งบริษัทจะทำการชี้แจงให้ท่านทราบหากไม่สามารถปฏิบัติตามคำร้องขอใช้สิทธิของท่านได้

  10.4      หากเป็นกรณีกิจกรรมที่บริษัททำการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามฐานการปฏิบัติตามสัญญา หรือฐานเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือฐานการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย บริษัทมีสิทธิปฏิเสธการใช้สิทธิของท่านในกรณีที่ท่านใช้สิทธิโต้แย้ง หรือขอระงับการใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่าน และขอให้ดำเนินการลบ หรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่เกี่ยวกับท่านได้ รวมถึงบริษัทอาจปฏิเสธที่จะดำเนินการตามคำร้องขอของท่าน หากบริษัท มีความจำเป็นที่จะต้องเก็บข้อมูลต่อไป

  10.5    บริษัทจำเป็นต้องแจ้งให้ทราบว่า การขอใช้สิทธิของท่านบางประการ อาจเกิดข้อจำกัด ในกรณีที่ข้อมูลส่วนบุคคลนั้นเป็นข้อมูลที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อบริษัทในการปฏิบัติตามหน้าที่ตามกฎหมาย และการรักษาความปลอดภัยของบริษัทและบริเวณรอบข้าง ทรัพย์สินของบริษัท ความปลอดภัยในบริเวณกิจกรรม ความปลอดภัยของตัวท่านเอง  

ข้อ 11.   มาตรการการรักษาความปลอดภัย

            บริษัทกำหนดให้มีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลที่เหมาะสม เพื่อป้องกันการสูญหาย การเข้าถึง การใช้ การเปลี่ยนแปลง การแก้ไข หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลโดยไม่มีอำนาจหรือโดยขัดต่อกฎหมาย ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายและวิธีปฏิบัติด้านความมั่นคงปลอดภัยสารสนเทศของบริษัทและนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Privacy Policy)

ข้อ 12.   ข้อมูลที่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก    

            หากท่านให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลภายนอกใด ๆ เช่น บิดา มารดา บุคคลในครอบครัว คุณครู บุคคลอ้างอิง และบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งท่านรับรองว่าท่านมีอำนาจที่จะให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลดังกล่าว และมีหน้าที่ให้บุคคลดังกล่าวอนุญาตให้บริษัทใช้ข้อมูลส่วนบุคคลตามวัตถุประสงค์ที่ระบุในประกาศฉบับนี้ได้

ข้อ 13.   ช่องทางการติดต่อ

      ในกรณีที่เจ้าของข้อมูลมีข้อสงสัยใด ๆ หรือต้องการใช้สิทธิตามที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้ หรือสอบถามเพิ่มเติม ผ่านช่องทาง ดังนี้

เรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล: ติดต่อเจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล: (Data Protection Officer)

อีเมล: DPO@Learn.co.th

ที่อยู่ : 444 อาคารเอ็ม บี เค ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน

กรุงเทพมหานคร 10330

เรื่องทั่วไปเกี่ยวกับโครงการ                      : ติดต่อผู้ประสานงานโครงการ

อีเมล : lifechanging@learn.co.th

ที่อยู่ : 444 อาคารเอ็ม บี เค ทาวเวอร์ ชั้น 14 ถนนพญาไท แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน

กรุงเทพมหานคร 10330

หมายเลขโทรศัพท์ : 02-114-6956

ข้อ 14.   การแก้ไขเปลี่ยนแปลง

            บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการแก้ไข ทบทวน และปรับปรุงประกาศความเป็นส่วนตัวที่จะมีผลบังคับใช้ ณ เวลาที่ได้เผยแพร่ต่อไปโดยมิต้องแจ้งให้ท่านทราบล่วงหน้า ทั้งนี้ เพื่อความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพในการให้บริการ ดังนั้น บริษัทจึงขอแนะนำให้ท่านอ่านประกาศความเป็นส่วนตัวทุกครั้งที่เยี่ยมชม หรือใช้บริการจากบริษัท หรือเว็บไซต์ของบริษัท

ประกาศ ณ วันที่ 31 มีนาคม 2565