คณะแพทยศาสตร์
- หน้าแรก
- /
- แนะแนว
- /
- แนะแนวคณะ
- /
- คณะแพทยศาสตร์
เนื้อหาการเรียน
หลักสูตร 6 ปี
ปี 1
(เรียนวิชาพื้นฐาน) เช่น เคมี ชีววิทยา ฟิสิกส์ เนื้อหาคล้าย ๆ เนื้อหาจะเจาะลึกมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวเข้าสู่การเรียนเนื้อหาของวิชาแพทย์ที่แท้จริง ในบางมหาวิทยาลัยจะมีการสอนเกี่ยวกับการพัฒนาตนเองด้านต่าง ๆ เช่น สุขภาวะร่วมสมัย เทคนิคการเรียนรู้ ศิลปวิทยาการเพื่อการพัฒนามนุษย์ เป็นต้น เพื่อความเข้าใจพื้นฐานของมนุษย์ก่อน
ปี 2 – ปี 3
(พรีคลีนิก) เรียนเนื้อหาของวิชาแพทย์โดยตรงในด้านทฤษฎีต่างๆ เช่น กายภาคศาสตร์ ประสาทวิทยา จุลชีววิทยา สรีรวิทยา เป็นต้น ควบคู่กับการเกิดโรคต่าง ๆ ว่ามีสาเหตุของโรคมาจากอะไรได้บ้าง เช่น หลักภูมิคุ้มกันวิทยา, ปรสิตวิทยา, พยาธิทั่วไป, เวชศาสตร์ชุมชนฯ เป็นต้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานได้จริงต่อไป
ปี 4 – ปี 5
(คลีนิก) เรียนรู้การปฏิบัติเพื่อดูแลรักษาคนไข้จริงในหอผู้ป่วยของโรงพยาบาล วิชาที่ต้องเรียน เช่น อายุรศาสตร์ ศัลยศาสตร์ กุมารเวชศาสตร์ เป็นต้น โดยจะเป็นการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวม มีโอกาสได้ออกตรวจผู้ป่วยนอก ซึ่งจะเป็นผู้ป่วยประจำของนักศึกษาแพทย์ ซึ่งผู้เรียนสามารถเลือกตามความถนัดและความสนใจได้ แต่ทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การดูแลของอาจารย์อย่างใกล้ชิด
ปี 6
(เวชปฏิบัติ) เน้นการปฏิบัติงานที่เหมือนแพทย์จริง ๆ มีการไปดูงานและทำงานตามโรงพยาบาลต่างๆ ซึ่งการเรียนในชั้นนี้มักจะเรียกว่า Extern และที่สำคัญของปีนี้คือ จะต้องสอบใบประกอบวิชาชีพทางการแพทย์ขั้นที่ 3 ด้วยนะ
รายละเอียดของคณะ
แพทยศาสตร์เป็นสาขาของวิทยาศาสตร์สุขภาพที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ การรักษาโรค รวมไปถึงอาการเจ็บป่วย ซึ่งการแพทย์เป็นแขนงอาชีพที่ต้องใช้ทั้งความรู้และทักษะอย่างสูง
โดยจะมีการเรียนตลอดหลักสูตรทั้งหมด 6 ปี ดังนี้
การเรียนด้านการแพทย์สามารถแบ่งออกเป็นสาขาวิชา หรือด้านเฉพาะทางได้มากมาย เช่น กุมารเวชศาสตร์, อายุรศาสตร์, ศัลยศาสตร์, ศัลยศาสตร์ออร์โธปิดิกส์ (ศัลยศาสตร์กระดูก), สูติศาสตร์, นรีเวชวิทยา, โสตศอนาสิกวิทยา, นิติเวชศาสตร์, จักษุวิทยา, จิตเวชศาสตร์, รังสีวิทยา, จิตวิทยา, พยาธิวิทยา, เวชศาสตร์ชุมชน, อาชีวเวชศาสตร์, เวชศาสตร์ฟื้นฟู, เวชระเบียน, เวชสถิติ ฯลฯ และในแต่ละสาขายังแบ่งย่อยเป็นสาขาย่อยลงไปอีกตามอวัยวะหรือกลุ่มของโรค เช่น ศัลยศาสตร์หัวใจและทรวงอก, อายุรศาสตร์โรคไต และอีกมากมาย
การสอบเข้า
คุณสมบัติ
แผนการเรียน: วิทยาศาสตร์ – คณิตศาสตร์ และสายศิลป์
มีผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPAX): ไม่ต่ำกว่า 3.00
คะแนนที่ใช้สอบ
ก่อนอื่นทำความรู้จักกับ กสพท คือ “กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย” จะมีการสอบที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วนคือ วิชาความถนัดแพทย์ และวิชา A-Level คิดเป็นสัดส่วนคือ วิชาความถนัดแพทย์ (กสพท หรือ TPAT1) = 30%
จะประกอบด้วย 3 พาร์ท ได้แก่
– จริยธรรมแพทย์
– เชาวน์ปัญญา
– พาร์ทเชื่อมโยง
วิชา A-Level (วิชาสามัญ) = 70% (โดย A-Level แต่ละวิชา ควรได้คะแนนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 30)
จะประกอบด้วย 7 วิชา ได้แก่ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา คณิตศาสตร์ประยุกต์1 ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และสังคมศึกษา
สถาบันที่เปิดสอน
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- วิทยาลัยแพทยศาสตร์พระมงกุฎเกล้า
- วิทยาลัยวิทยาศาสตร์การแพทย์เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง
- คณะแพทยศาสตร์ (หลักสูตรนานาชาติ)
- มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช
- คณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล
- มหาวิทยาลัยขอนแก่น
- มหาวิทยาลัยบูรพา
- มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
- มหาวิทยาลัยพะเยา
- มหาวิทยาลัยนเรศวร
- มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์
- มหาวิทยาลัยมหาสารคาม
- มหาวิทยาลัยนราธิวาสราชนครินทร์
อาชีพในอนาคต
- แพทย์เฉพาะทางในสายต่าง ๆ
- นักวิจัย นักวิชาการ ทั้งในระบบราชการ ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข คณะแพทยศาสตร์ กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย และสถาบันการแพทย์ต่าง ๆ
- โรงพยาบาล
- คลินิกเอกชน
- สถานประกอบการส่วนตัว
- อาจารย์ในมหาวิทยาลัยของรัฐและเอกชน