“เราเห็นว่าแพทย์ทุกคนมี passion ในการทำงานมากนะ ด้วยความที่มันเป็นอาชีพที่ได้ทำงานและช่วยเหลือผู้คนไปด้วยในเวลาเดียวกัน”
…
“เราจะเน้นวิชาที่สัดส่วนคะแนนสูงกว่า มันจะช่วยให้เราโฟกัสถูกจุด ทำให้คะแนนง่ายขึ้น คือจะเน้นแค่วิชาที่ตัวเองชอบไม่ได้”
-พี่ไอศ์ รุ่นพี่คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต-
อยากสอบเข้าแพทย์ต้องเตรียมตัวอย่างไร? และคณะแพทย์ม.เอกชน กับ คณะแพทย์ม.รัฐบาลแตกต่างหรือไม่? วันนี้ทาง TCASter จะตอบทุกคำถามกับการเรียนหมอ ม.เอกชนสุดฮิตกับรุ่นพี่หมอม.รังสิตที่จะมาร่วมแชร์ประสบการณ์ให้น้อง ๆ เพจTCASterทุกคน น้อง ๆ สายหมอ ห้ามพลาด!
อยากให้แนะนำตัวให้สักหน่อย
ชื่อไอศ์ กานต์สินี เตชะวิบูลย์ผลค่ะ กำลังศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต โรงพยาบาลราชวิถี ชั้นปีที่ 2 ค่ะ
ตอนไหนที่พี่ไอศ์รู้ตัวว่าอยากเข้าคณะนี้
เริ่มจากที่เราเรียนชีวะตอนม.4 เรื่องร่างกายของมนุษย์ และเรื่องฮอร์โมนต่างๆ ตอนนั้นเราชอบมากที่ได้เรียนรู้ว่าร่างกายเราทำงานยังไง สาเหตุของโรคต่าง ๆ คืออะไร หลักจากนั้นเราเลยเริ่มเปิดใจ ลองศึกษาเกี่ยวกับคณะแพทยศาสตร์มากขึ้น ลองไปงาน open house ต่าง ๆ ทำให้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเรียนรวมไปถึงการทำงานของหมอ มันทำให้เราเห็นว่าแพทย์ทุกคนมี passion ในการทำงานมากนะ ด้วยความที่มันเป็นอาชีพที่ได้ทำงานและช่วยเหลือผู้คนไปด้วยในเวลาเดียวกัน เราเลยชอบอาชีพหมอมาก
พอพี่ไอศ์รู้ตัวเองแล้ว พี่ไอศ์เตรียมตัวสอบบ้าง
คือ ต้องบอกก่อนว่าเราเรียนเนื้อหาของแต่ละวิชามาเรื่อย ๆ ตั้งแต่ม.4 เรียนจบเนื้อหาทั้งหมดก็ประมาณ ม.6 พอดี เราเลยมาเริ่มเตรียมตัวจริงจังตั้งแต่ตอนนั้น ซึ่งมันค่อนข้างช้าสำหรับเรา ดังนั้นพอเริ่มเตรียมตัวช้า เราเลยไม่ไปเสียเวลาในการอ่านเนื้อหามากเพราะมันอาจจะไม่ทัน เราเลยเริ่มตันทำโจทย์แบบจริงจังเลย ถ้าทำข้อไหนไม่ได้ เราค่อยไปทวนเนื้อหาในเรื่องนั้นอีกที เคล็ดลับการทำโจทย์ของเราคือ 1 วัน 1 วิชา ทำวันละหลาย ๆ ชุด พอทำเสร็จก็ตรวจแล้วดูว่าเออ เราผิดตรงไหน ต้องแก้ไขเรื่องไรบ้าง อีกอย่างคือเราจะเน้นวิชาที่สัดส่วนคะแนนสูงกว่า มันจะช่วยให้เราโฟกัสถูกจุด ทำให้คะแนนง่ายขึ้น คือจะเน้นแค่วิชาที่ตัวเองชอบไม่ได้
อยากให้พี่ไอศ์เล่าให้น้อง ๆ เห็นภาพว่าคณะแพทยศาสตร์ม.รังสิตเรียนอะไรบ้าง
เริ่มจากปี 1 ก็จะเป็นเนื้อหาพื้นฐานก่อน หลัก ๆ คือวิชา Introduction to Medical Profession ที่จะเรียนเกี่ยวกับคุณธรรมต่าง ๆ และจริยธรรมของแพทย์
ต่อมาปี 2 ก็จะเรียนเกี่ยวกับความปกติของร่างกายทุกส่วน มีเรียน anatomy ผ่าตัดอาจารย์ให้ ดูกระดูก กล้ามเนื้อ เส้นประสาทต่าง ๆ และจะเริ่มมีเนื้อหาเรื่องโรคต่าง ๆ มาแทรกในเนื้อหาด้วย
ส่วนปี 3 จะเรียนเกี่ยวกับความผิดปกติ โรคต่าง ๆ ทั้งหมด
และ ปี4-ปี6 จะย้ายไปเรียนในโรงพยาบาลเลย
แล้วพี่ไอศ์คิดว่ามหาลัยกับคณะตัวเองมีจุดเด่นอะไรบ้าง
จุดเด่นของคณะเรา คือ ด้วยความที่เป็นมหาลัยเอกชน ถึงแม้ว่าค่าเทอมจะค่อนข้างสูงมาก เพราะเราจ่ายค่าใช้จ่ายเองหมด แต่ข้อดี คือ คณะเราจะไม่ต้องใช้ทุนไปต่างจังหวัด แต่จะเป็นการสะสมประสบการณ์แทน อีกจุดเด่นหนึ่งของมหาลัยเราคือ มันจะมีจัดแข่งกีฬาตลอด ไม่แน่ใจว่าม.อื่นเป็นไหม แต่พอมีกิจกรรมตลอดมันทำให้เรารู้จักรุ่นพี่ รุ่นน้องมากขึ้น อย่างปกติถ้าพี่ปี 4 – 6 ไปเรียนที่โรงพยาบาลเราก็จะไม่ได้มีโอกาศรู้จักกันเท่าไหร่ พอมีกิจกรรมตลอดมันเลยทำให้ความสัมพันธ์ในคณะมันค่อนข้างแน่นแฟ้น
สังคมของคณะ/มหาลัยเป็นยังไงบ้าง อยากให้ลองแชร์ให้น้อง ๆ ฟัง
สำหรับสังคมในคณะ คือ ด้วยความที่ค่าเทอมมันค่อนข้างสูงเนอะ ทำให้ตอนแรกเราก็แอบกังวลว่าเพื่อน ๆ ในคณะส่วนใหญ่จะเป็นพวกคุณหนูหมดเลยมั้ย จะเข้าถึงยากรึป่าว แอบกังวลว่าจะเข้ากันไม่ได้5555 แต่พอเอาจริง ๆ มันไม่ใช่ปัญหาในการอยู่ร่วมกันเลย ทุกคน คือ เป็นเพื่อนกัน ช่วยกันเรียน ช่วยกันทำกิจกรรม คอยให้กำลังใจกัน ทุกคนน่ารักมาก ๆ และก็ในคณะจะมีความหลายหลากในเรื่องของอายุเยอะมาก เพราะมีคนซิ่วเยอะมาก ๆ เป็นเรื่องปกติ บางคนเรียนจบแล้ว มาเรียนหมอต่อตอนอายุ 27แต่ก็ยังเป็นเพื่อนกันเรียนด้วยกันได้ ส่วนเรื่องอาจารย์ทุกคนดีมาก ดูแลนักศึกษาดีมาก มีปัญหาอะไรสามารถบอกอาจารย์ได้ตลอด สถานที่เรียนก็ดีมาก ๆ เราชอบมาก มีสถานที่สวย ๆ สำหรับอ่านหนังสือ เล่นกีฬา ทำกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ก็จะมีทีมวิชาการของรุ่นซึ่งมันดีมาก ๆ ช่วยกันเรียน มีการแชร์เทปเรียนจากรุ่นพี่ แชร์สรุป แชร์แนวข้อสอบให้กัน และสามารถปรึกษาได้ตลอด จากที่เรียนหนัก เรียนเครียดอยู่แล้ว แต่พอมีเพื่อน พี่ อาจารย์ คอยช่วยให้คำปรึกษา คอยให้กำลังใจเรา ใมันก็ทำให้เราผ่านมันไปได้
พี่ไอศ์มีอะไรอยากแนะนำน้อง ๆ ที่กำลังสนใจเรียนหมอมั้ย
เราก็ขอแนะนำน้อง ๆ ให้ศึกษาอาชีพที่น้อง ๆ สนใจให้แน่ใจก่อนว่าอยากเรียนจริง ๆ ดูทั้งข้อดีข้อเสีย ว่าตัวเองรับได้มั้ย เพราะถ้าเราตัดสินใจเรียนแล้ว เราต้องอยู่กับอาชีพนั้นไปตลอด อยากเตือนว่าเรียนหมอหนักจริง ๆ เหมือนน้องเปิดโหมดอ่านหนังสือตลอดชีวิตไปแล้ว ทำงานหนักด้วย แต่ถ้าน้อง ๆ มั่นใจแล้ว ก็ตั้งใจให้เต็มที่ พี่เป็นกำลังใจให้ อยากให้เลือกสิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ อย่าไปกลัวเรื่องซิ่ว มันไม่แปลกเลย และมันจะคุ้มมากถ้าน้องได้เรียนสิ่งที่ตัวเองชอบจริง ๆ ถึงมันจะเสียเวลาไม่กี่ปี แต่มันก็แลกกับการเสียเวลาทั้งชีวิตในการทนเรียนสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ เราก็ขอเป็นกำลังใจให้กับน้อง ๆ ทุกคนให้ได้เรียนในสิ่งที่ชอบที่หวังนะคะ