fbpx

อยากเป็นหมอ ก็ยื่น “พอร์ต” ได้ !

 อยากเป็นหมอ ก็ยื่น “พอร์ต” ได้ !

” ทำ Portfolio ยังไง ให้ติดแพทย์ “

” เทคนิคเก็บผลงานและกิจกรรมแบบเด็กสายวิทย์-คณิต “

” บทพิสูจน์ของความพยายาม 9 ปีเต็ม เพื่อคว้ารางวัลระดับประเทศ “

อยากเป็นหมอ ก็ยื่นพอร์ตได้! วันนี้เราจะได้เจอกับรุ่นพี่สุดปัง ที่ยื่น Portfolio จนติดสำนักวิชาเเพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี นอกจากนี้เรื่องผลงานก็ยังโดดเด่น ทั้งด้านการเรียนและด้านกิจกรรม ถ้าอยากรู้แล้วว่าพี่เค้าจะมีเทคนิคอะไรมาฝากก็ตามมาอ่านกันได้เลย!

มาเริ่มทำความรู้จักกันสักหนึ่งกรุบนะคะ อยากให้พี่แนะนำตัวและบอกหน่อยว่าสอบติดรอบไหน ที่ไหน อย่างไรคะ

สวัสดีค่าา เราชื่อกานดานะคะ ติดรอบเเเรก(Portfolio)ของสำนักวิชาเเพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีค่ะ

“แพทย์” ขึ้นชื่อเรื่องเรียนหนัก แล้วอะไรคือแรงบันดาลใจให้พี่กานดาเลือกเรียนคณะนี้คะ 

จริง ๆ ก่อนหน้านี้เรามีความสนใจในหลายอาชีพมาก ไม่ว่าจะเป็น คุณหมอฟัน นักวิทยาศาสตร์ นักร้องหรือเเม้กระทั่งนายกรัฐมนตรี (หัวเราะ) เเต่เริ่มที่จะมั่นใจจริง ๆ ก็ตอนช่วงมัธยมปลายเลยค่ะ สาเหตุหลัก ๆ ที่เราอยากจะเรียนเเพทย์เลยก็คือเราได้ทราบถึงเรื่องราวของรุ่นพี่ที่รู้จักคนหนึ่ง ชีวิตเขากำลังไปได้สวยเลย เเต่ทุกอย่างก็ต้องจบลงเพราะมีโรคร้ายที่ได้พรากชีวิตของพี่เขาไป จุดเริ่มต้นคือตรงนี้เลยค่ะ เรารู้สึกว่าเราอยากเป็นคนที่สามารถต่ออายุเเละมอบชีวิตใหม่ให้กับใครหลาย ๆ คนที่เขากำลังsufferกับโรคพวกนี้อยู่ โดยเฉพาะกับคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับเราค่ะ 

หู้วววว แพชชั่นแรงและทรงพลังมากกกกก อย่างงี้พี่กานดาเตรียมตัวยังไงบ้างคะ ในการทำ Portfolio เพื่อยื่นเข้าคณะในฝัน

ส่วนตัวเเล้วเราเป็นคนที่ทำกิจกรรมเยอะมาก ๆ เลยค่ะตั้งเเต่สมัยประถมจนถึงปัจจุบันในระดับมหาวิทยาลัยเเล้วก็ยังทำอยู่ (หัวเราะ) อย่างที่หลาย ๆ คนทราบกันดีว่า Portfolio ในรอบเเรกของคณะเเพทย์ส่วนใหญ่จะต้องใช้คะเเนนหลัก ๆ ที่สำคัญในการยื่น เช่น BMAT, SAT, IELTS, TOEFL เเละอีกหลาย ๆ อย่างขึ้นอยู่กับเเต่ละมหาวิทยาลัย จะเห็นได้ว่าสิ่งที่สำคัญเลยคือ “ภาษาอังกฤษ” ซึ่งสิ่งที่เราทำก็คือ ตามสอบ เเละ เก็บคะเเนนให้ได้ตาม requirements ของมหาวิทยาลัย ในขณะเดียวกันก็ต้องรักษาเกรดให้ได้อยู่ในระดับที่จะได้รับการพิจารณาด้วยค่ะ

งั้นพี่กานดามีเทคนิคอะไรในการทำ Portfolio มาแอบบอกน้อง ๆ มั้ยคะ

มีแน่นอนค่า (ยิ้ม) เราคิดว่าอย่างเเรกเลย “ต้องรู้ก่อนว่าเราถนัดอะไร” เเละ “ชอบที่จะทำอะไร” ค่ะ แล้วก็เอาความชอบ ความถนัดเหล่านี้ มาหากิจกรรมที่สอดคล้องเพื่อเข้าร่วม และที่สำคัญอีกอย่างคือเราพยายามหากิจกรรมให้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านภาษา วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ กิจกรรมทางด้านการเเพทย์(ฝึกงานในโรงพยาบาล) หรือเเม้กระทั่ง extracurricular activities อื่น ๆ  เเต่ที่เราจะต้องคำนึงถึงคือเราควรจะมีกิจกรรมที่หลากหลาย ดังนั้นใน Portfolio ของเราจะพยายามใส่ผลงานให้ครบทุกด้าน ส่วนตัวเราคิดว่าความหลากหลายอาจจะเป็นหนึ่งในสิ่งที่คณะกรรมการในการคัดเลือกกำลังมองหาค่ะ

แล้วพวกกิจกรรม หรือผลงานต่าง ๆ พี่กานดามีใส่อะไรลงไปอีกมั้ยคะ 

ก็มีนะ อย่างเรามีความสามารถทางด้านการพูดเเละถนัดทางด้านภาษาอังกฤษ กิจกรรมที่เราทำส่วนใหญ่เลยก็จะเป็นการเเข่งขันเกี่ยวกับ Impromptu Speech, Public Speaking, Debate เนอกจากนี้ก็มีการทำชมรมจิตอาสาร่วมกับเพื่อน ๆ ประกวดนางนพมาศ เเละเเข่งกีฬาบาสเกตบอลภายในโรงเรียน ใส่ไปเยอะ ๆ ยิ่งดีเพื่อจะเป็นตัวเเสดงให้เห็นว่าเราสามารถทำได้หลายอย่างไม่ใช่เเค่เรียนอย่างเดียว

งั้นอยากให้พี่กานดาแนะนำน้อง ๆ สายวิทย์-คณิตหน่อยว่า เราสามารถเก็บผลงานหรือกิจกรรมได้จากไหนบ้าง

เราว่าสมัยนี้หาง่ายมาก ๆ เพราะทุกอย่างล้วนอยู่บน Internet ขึ้นอยู่กับว่าเราสนใจเเละอยากจะทำอะไร มีการเเข่งขันมากมายที่พร้อมรอให้เราเข้าร่วมอยู่เสมอ เเละอีกเเหล่งหนึ่งที่สำคัญคือเราควรที่จะเข้าหาคุณครูเเละคอยติดตามข่าวสารว่ามีการเเข่งขันหรือมีกิจกรรมให้เข้าร่วมได้บ้าง 

จริง ๆ เเล้วเราอยากบอกกับทุกคนว่าสิ่งที่สำคัญอีกอย่างนอกเหนือจากเเหล่งการหากิจกรรมเเละการเเข่งขันก็คือการที่เราควรจะต้องตื่นตัวเเละกระตือรือร้นอยู่ตลอดเวลาเพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่จะพาตัวเราไปในที่ ๆ เราต้องการได้ค่ะ

หู้วววว ทั้งกิจกรรมและการเรียนของพี่กานดาแน่นมาก ๆ อย่างงี้นานมั๊ยคะในการทำ Portfolio 

สำหรับเราในส่วนของการจัดทำ portfolio ไม่นานเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการมาเลือกกิจกรรมที่เราจะใช้ในการpresentตัวเองให้กับกรรมการ/อาจารย์เห็นในศักยภาพของเราค่ะ

แต่ ๆๆๆ ในทางกลับกัน ถ้ามาคิดดูดี ๆ ถือว่าเราเตรียมตัวมาตลอดทั้งชีวิตเลยก็ได้ค่ะ (หัวเราะ) กิจกรรมเเละการเเข่งขันทุกอย่างที่เราเข้าร่วมล้วนต้องอาศัยระยะเวลาในการฝึกฝนถึงจะประสบผลสำเร็จอย่างสูงสุด

เราจะลองยกตัวอย่างให้ดูสักหนึ่งการเเข่งขันนะคะ ตอนเราอยู่ป.3 เราเคยเเข่ง Impromptu Speech ซึ่งตอนประกาศผลทุกคนที่ไปแข่งด้วยกันได้รับรางวัลยกเว้นเราคนเดียว จุคพีคคือตอนถ่ายรูปร่วม เราเป็นคนเดียวที่ไม่ได้อยู่ในนั้น ถึงจะเด็กมากเเต่ก็ค่อนข้างเสียใจ หลังจากนั้นเราใช้เวลา 9 ปีเต็ม ๆ ในการฝึกฝนเเละพัฒนาตัวเอง จนในที่สุดเราก็ได้รับรางวัลการกล่าวสุนทรพจน์อันดับหนึ่งของประเทศ ซึ่งหลาย ๆ คนอาจจะเห็นเเต่ตอนที่เราได้รับรางวัลเเละคิดว่ามันไม่เห็นจะยากเลย เเต่เราอยากจะบอกว่าเราตั้งใจเเละทุ่มเทกับทุกการเเข่งขันมาก ๆ ไม่มีอะไรที่จะได้มาง่าย ๆ เราหวังว่าเรื่องของเราจะเป็นกำลังใจให้กับใครหลาย ๆ คนที่อาจจะกำลังท้อหรือstruggleอยู่โดยเฉพาะในเรื่องของการเตรียมผลงานในการทำportfolioนะคะ 

Have faith in yourself and never lose hope 🙂 

หลังจากยื่น Portfolio ผ่านแล้ว ต่อมาก็จะเจอกับ “รอบสอบสัมภาษณ์” อยากให้พี่กานดาแชร์ประสบการณ์ตอนนั้นหน่อยค่ะ ว่าเป็นยังไงบ้าง

สำหรับการสอบสัมภาษณ์ของเราจะเเบ่งเป็น 2 วันค่ะ วันเเรกจะเป็นการตรวจร่างกายเเล้วก็สอบการใช้ Microsoft word, Excel, PowerPoint โดยจะให้เซ็ตข้อมูลของคนไข้จำนวน 150 คนมาเเล้วก็ให้เราหาค่าเเละจัดทำpresentation ตามที่โจทย์บอกภายในเวลา 30 นาที 

ส่วนในวันที่ 2 จะเเบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ฐาน 

ฐาน 1 จะให้เราอ่าน English passage เเละให้เราidentify ถึง main issues ตั้งชื่อเรื่อง(best title) เเล้วก็ให้ give reflection ต่อเรื่องที่ได้อ่านไปค่ะ 

ฐาน 2 จะถามเราเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปเลย เป็นเเบบข้อมูลส่วนตัวเเล้วก็เรื่องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย 

ฐานที่ 3 จะให้เรานำเสนอ presentation ที่เราทำเมื่อวันก่อนหน้านี้ให้กับอาจารย์ได้ฟังพร้อมกับตอบคำถาม 

ฐานที่ 4 จะเป็นการทำงานเป็นทีมโดยจะให้ทำงานร่วมกับผู้เข้าสัมภาษณ์คนอื่น ๆ โดยการให้อ่านเรื่องที่กำหนดเเล้วคิดค้นintervention เเละวิธีการรับมือกับเรื่องนั้น ๆ พร้อมกับมานำเสนอค่ะ

หู้วววว แล้วพอเป็นการสัมภาษณ์แบบนี้ พี่กานดาคิดว่าน้อง ๆ ควรเตรียมตัวยังไงดีคะ

สำหรับการสอบสัมภาษณ์ในรอบนี้เราอยากให้ทุกคนศึกษาเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยนั้น ๆ ที่ตัวเองจะไปสอบสัมภาษณ์ค่ะ ข้อมูลเบื้องต้นที่เราควรจะรู้มักจะเป็นสิ่งที่อาจารย์ที่สัมภาษณ์อาจจะถามได้นะคะ เเละที่สำคัญที่สุดคือการที่เราจะต้องเป็นตัวของตัวเองค่ะ เราควรจะตอบคำถามให้เป็นธรรมชาติเเละมีความมั่นใจในคำตอบของเราค่า

สุดท้ายนี้อยากให้พี่กานดาฝากอะไรถึงน้อง ๆ ที่อยากจะยื่น Portfolio หน่อยค่ะ

อยากให้ทุกคนตั้งใจเตรียมตัวให้พร้อมเลยนะคะ ไม่ว่าจะเป็นทั้งกิจกรรมที่วางเเผนจะทำเพื่อเป็นส่วนหนึ่งของ portfolio หรือ standardized tests ต่าง ๆ ที่ต้องใช้ในการยื่น อาจจะเหนื่อยหน่อยเเต่ถ้าเราติดตั้งเเต่รอบเเรก ความเหนื่อยนั้นก็จะหายไปเลยค่ะ Hang in there, guys! The climb is tough, but the view from the top is totally worth it 🙂

พี่ไอซ์จิ ชนเผ่าวาทวิทยา แห่งนิเทศฯ จุฬาฯ

พี่ไอซ์จิ เด็กฝึกงาน ชนเผ่าวาทวิทยา แห่งนิเทศฯ จุฬาฯ

Related post