จิตแพทย์ VS นักจิตวิทยา ต่างกันยังไง
น้อง ๆ คงเคยได้ยินคำว่า จิตแพทย์ และนักจิตวิทยา กันมาบ้างแล้ว น้อง ๆ บางคนอาจเกิดความสบสนระหว่างจิตแพทย์ และนักจิตวิทยา ว่ามีความเหมือน หรือแตกต่างกันอย่างไร ความเหมือนกันของจิตแพทย์ และนักจิตวิทยา คือ ทั้งสองอาชีพมีหน้าที่ช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจของผู้ป่วยให้ดีขึ้นเหมือนกัน…แต่ว่า! การเรียนของสองอาชีพ และการทำงาน มีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ลองมาดูกันเลย
- ด้านการเรียน
จิตแพทย์ : ต้องเรียนในคณะแพทยศาสตร์ หรือคณะที่สอนเกี่ยวกับจิตแพทย์ โดยการเรียนที่คณะแพทย์ทั้งหมด 6 ปี ใช้ทุนต่างจังหวัด 3 ปี แล้วจึงสามารถกลับมาเรียนแพทย์เฉพาะทางในภาควิชาจิตเวชศาสตร์ได้ และต้องได้รับการรับรองให้สามารถรักษาความผิดปกติทางจิตด้วย
นักจิตวิทยา : เรียนในด้านของปรัชญา หรือด้านจิตวิทยา เป็นการศึกษาเกี่ยวกับจิตใจ กระบวนความคิด และพฤติกรรมของมนุษย์ บนพื้นฐานของวิทยาศาสตร์ จะสอนให้รู้จักสังเกตพฤติกรรมรวมไปถึงความคิด และจิตใจของมนุษย์ ซึ่งมีหลากหลายสาขา สามารถเลือกเรียนได้ตามความสนใจของน้อง ๆ
- การทำงาน
จิตแพทย์ : จะถือว่าเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านจิตเวช นอกจากให้คำปรึกษาแล้ว ยังสามารถวินิจฉัยและรักษาอาการป่วยทางจิต
นักจิตวิทยา : จะเน้นเรื่องของการบำบัดเพื่อให้ผู้ป่วยสามารถควบคุมอารมณ์ และจะส่งผลไปถึงการช่วยให้ผู้ป่วยรับมือกับปัญหาทางอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้น แต่เนื่องจากนักจิตวิทยามีหลายสาขา แต่ละสาขาจะมีการรับมือกับกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกัน
- การรักษา
จิตแพทย์ : หลังจากการวินิจฉัยแล้ว จิตแพทย์สามารถสั่งจ่ายยาให้ผู้ป่วยได้
นักจิตวิทยา : มักจะสังเกตท่าทางภายนอก และใช้การพูดคุย หรือการให้คำปรึกษาเพื่อบำบัด ไม่สามารถสั่งจ่ายยาได้
- ทางเลือกในการรักษา
จิตแพทย์ : หากผู้ป่วยหรือผู้ดูแลรับรู้ได้ถึงความรุนแรงของอาการที่จะพาไปถึงความต้องการใช้สารเสพติด หรือการทำร้ายตัวเองและผู้อื่น ควรเข้ารับการรักษาจากจิตแพทย์โดยตรง เพื่อรักษาอาการโดยใช้สารเคมีมาระงับ และหลังจากนั้นอาจได้รับการบำบัดกับนักจิตวิทยา
นักจิตวิทยา : หากผู้ป่วยมีความรู้สึกกังวล คิดมากกว่าปกติ ทำให้ส่งผลถึงการใช้ชีวิตประจำวันแต่ยังไม่รุนแรงนัก การใช้วิธีการบำบัดกับนักจิตวิทยาจะตอบโจทย์ที่สุด แต่หากอาการยังไม่ดีขึ้นหรือมีความรุนแรงเพิ่มขึ้น ผู้ป่วยอาจได้รับการรักษาจากจิต
และนี่คือความแตกต่างกันระหว่างจิตแพทย์ และนักจิตวิทยาที่พี่รวบรวมมาให้ เป็นอีกสองอาชีพที่มาแรงเนื่องจากสถานการณ์ปัจจุบันทำให้ผู้คนเริ่มหาที่่พึ่งพิงจากความเครียด และความกดดัน ทำให้สองอาชีพนี้เริิ่มเปิดกว้างและเป็นที่รู้จักทางสังคมมากขึ้นนั่นเอง
