fbpx

#TCASterชวนน้องรีวิว (เจมส์หลง) วิศวกรรมเครื่องกลจุฬาฯ ติดรอบ 3

 #TCASterชวนน้องรีวิว (เจมส์หลง) วิศวกรรมเครื่องกลจุฬาฯ ติดรอบ 3

กว่าพี่เจมส์หลงจะสอบติดวิศวะจุฬาได้ เค้าทำอย่างไรบ้าง มีที่มาที่ไปอย่างไร ไปอ่านบทสัมภาษณ์นี้กันเลยครับ

1. แนะนำตัวเองให้ฟังหน่อยซิ

“ผมนายสุชาญ วิศวะเครื่องกลจุฬาฯ ครับผม”

สวัสดีครับ ชื่อ นายสุชาญ ท้วมรุ่งโรจน์ ชื่อเล่น เจมส์หลง จบการศึกษาจากโรงเรียมเตรียมอุดมศึกษา ปัจจุบันเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 หลักสูตรวิศวกรรมศาสตร์บัณฑิต สาขาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในการสอบเข้าติด TCAS รอบ 3  มีผลงานด้านการศึกษาคือ ผ่านการคัดเลือกให้รับทุนเข้าร่วมค่ายฤดูร้อนโดย USSRC ที่ Huntsville, AL, USA ปี 2561 ครับ

2. รู้ตัวได้ยังไง ว่าอยากเรียนวิศวะ (อะไรที่เป็นแรงบันดาลใจ/สิ่งที่ทำให้ค้นพบตัวตน)

“รู้ตัวตั้งแต่เด็กเลย ความชอบงัดชอบแงะ และการส่งเสริมจากคุณตา”

ไอ้ความอยากเป็นวิศวกรเนี่ยมันมาเริ่มชัดๆ เอาตอนช่วงมัธยมต้นละ แต่เอาเข้าจริงๆตอนเด็กเราชอบพังของที่บ้านมากเลย เอาอันนี้มาแงะ เอาอันนู้นมาแกะ ขี้สงสัยด้วย ประกอบกับที่บ้านทำอาชีพเกี่ยวกับวิศวกรรมและคุณตาชอบพาเราไปพวกพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ ซื้อพวกของเล่นชิ้นไม้หรือพวกตัวต่อ เราก็เลยชอบอะไรเกี่ยวกับการสร้างมาตั้งแต่เด็กแล้วล่ะ

3. ทำไมต้องเป็นคณะวิศวกรรมศาสตร์

“โอ้ยย มันก็มีช่วงลังเลเหมือนกันนะ แต่สุดท้าย สิ่งที่รักก็เหมือนเดิม

ก็อย่างที่เล่าไปว่าเรารู้นานแล้วแหละว่าอยากสร้างของ เราเลยมีเป้ามานานละว่าจะต้องเรียนวิศวะให้ได้ แต่ทีนี้เนี่ยมันมีอยู่ช่วงนึงตอนเราเรียนอยู่ประมาณ ม.6 ที่เราเริ่มลังเลเพราะว่าโรงเรียนเรามีคนไปเรียนหมอเยอะมากเพื่อนเราก็ชอบมาเชียร์ต่างๆนาๆ แต่ว่าสุดท้ายสิ่งที่มันทำให้เราอยากเรียนมันคืออาชีพ ที่เราอยากเรียนอยากสร้างเราอยากสร้างสิ่งของเราอยากจะพัฒนาองค์ความรู้ทางด้านวิศวกรรม คือเราก็อยากช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์นะแต่วิศวะเนี่ยมันก็ได้ช่วยเหลือผู้คนเหมือนกัน เราเลยเลือกสิ่งที่เรารักและอยากทำดีกว่า

4. เล่าประสบการณ์ในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาซิ!

“หัวใจสำคัญคือการทบทวน ไม่ว่าจะรูปแบบใดก็ตาม”

เพราะความลังเลในช่วงแรก ก็เลยทำให้เสียเวลาช่วงปิดเทอมม.5 ขึ้นม.6 ไปกับการเรียน เคมี ชีวะ กลายเป็นว่าเราต้องมาเริ่มค่อนข้างช้ากว่าที่ตั้งใจไว้ วิชาสำคัญของวิศวะเนี่ย อย่างผมสอบเข้า TCAS รอบ 3 จะมี gat ความถนัดทั่วไป pat 1 ความถนัดทางคณิตศาสตร์ pat 3 ความถนัดทางวิศวกรรม pat 3 เนี่ยจะเป็นข้อสอบเชิงฟิสิกส์ เคมีคำนวณ เลข ปัญหาเชาวน์ และความรู้ทางวิศวกรรม เรายอมรับเลยว่าเราเป็นคนที่ไม่เก่งวิชาคณิตศาสตร์ เราเตรียมอันหลังสุดซึ่งเราเลยค่อนข้างจะหวังว่าจะให้ gat กับ pat 3 เป็นตัวชูโรงเราให้คะแนนมันติดตอนรอบ 3

แต่ว่าทีนี้ปัญหาก็คือจริงๆคนเข้าใจว่าเราเรียนพิเศษอย่างเดียวก็พอแล้ว แบบลงวิชานี้ 4 สถาบัน วิชานั้น 3 สถาบัน มันไม่ใช่อ่ะ คือจริงๆ แล้วหัวใจของการเตรียมตัวที่ดีในความรู้สึกเรามันคือเรียนแล้วทบทวน ไม่ว่าจะทำสรุป จดช็อตโน้ต ไปสอนเพื่อน แต่อย่างเรา เราเลือกที่จะทำข้อสอบเก่า คือการทำโจทย์เยอะๆ เราจะจับแนว เราจะคุ้นวิธีการ เราจะคุ้นกับมัน เราจะไม่กลัวมัน

ช่วงที่ยากที่สุดในช่วงนั้นน่ะ เราค่อนข้างกดดันตัวเองในรอบ 3 เพราะรับตรงรอบที่ 3 ค่อนข้างเป็นจุดหมายเรา เพราะเราเป็นคนที่เรียนต่อไปก็เกรดไม่ค่อยดี ซึ่งถ้าเราบังเอิญหลุดไปอยู่รอบแอดมิชชั่นเราจะต้องเอาเกรดมาคำนวณคะแนนซึ่งเราค่อนข้างจะเสียเปรียบตรงนั้น

5.เพื่อน กิจกรรม การใช้ชีวิต ในรั้วมหาลัยเป็นยังไง

“มันมีประโยคพูดตลกๆ ว่าเราเอนทรานซ์เพื่อมาเอนทรานซ์อีก 8 รอบ  นี่คือคำพูดตลกร้าย เพราะมันกลายเป็นเรื่องจริง

คือมหาลัยเขาให้อิสรภาพเราเยอะขึ้น บางทีก็แบบไม่ใส่เครื่องแบบ แต่ส่วนใหญ่ก็เลือกวิชาเองได้ละ จะเรียนกี่โมง บางวิชาไม่เช็คชื่อให้ด้วยซ้ำ แต่ว่าเราจะต้องมีความรับผิดชอบเยอะขึ้น ถึงแม้ว่าไม่มีการบ้านไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้แต่ว่าต้องสอบ ร้อยเปอร์เซ็นต์

ส่วนสังคมเพื่อน คนที่ชอบขู่ว่าเพื่อนมหาลัยไม่ดี เห็นแก่ตัว ก็เหมือนคำพูดที่บอกว่าสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดีอ่ะ เพื่อนก็มีทั้งดีและไม่ดี เราจะคาดหวังให้คนทุกคนเป็นแบบที่เราอยากเจอมันก็คงไม่ได้ กิจกรรมมันเยอะมากขึ้นอยู่ว่าเราจะทำหรือไม่ทำ เราถือว่าเราทำกิจกรรมค่อนข้างกลางๆ เราไม่ได้ทำเยอะ แต่ก็ได้รู้จักคนใหม่ๆ เยอะ ได้ทำอะไรใหม่ๆ ซึ่งมีการเปิดประสบการณ์ชีวิตที่ดี แต่ว่าก็อย่างที่บอกตอนต้นละว่าเราก็ต้องมีความรับผิดชอบ เรามาที่นี่เพื่อเรียนรู้ ความรู้จะนำไปใช้ในชีวิต

เรื่องส่วนตัว ก็ต้องปรับตัวค่อนข้างเยอะ มันไม่เหมือนม.ปลายแล้ว บางคนติดนิสัยว่าเฮ้ยพรุ่งนี้สอบอ่านวันนี้ได้ ใช่เหรอ ถ้าถามว่าสอบมหาลัยมันเป็นยังไงนะ ความรู้สึกเรานะมันเหมือนกับไปรบเลย เพราะว่าถ้าสอบตกคือเรียนใหม่ไม่มีการมาสอบซ่อมแล้ว ทำให้ทุกครั้งที่เราสอบ เรายอมรับว่ามันค่อนข้างเครียดมันหนักในระดับที่เราว่ามันเหมือนสอบเข้ามหาลัยซ้ำๆ อ่ะ มันมีประโยคพูดตลกๆ ว่าเราเอนทรานซ์เพื่อมาเอนทรานซ์อีก 8 รอบ มันต้องปรับตัวเยอะมากปีแรกเข้ามาบางคนปรับไม่ได้เราเห็นเขาไปต่อไม่ไหวก็มี มันทำให้เราต้องเตรียมตัวอย่างมาก ทั้งต้องปรับตัว ทั้งปรับวิธีเรียน วิธีอ่าน แบบจะมานั่งอ่าน 1 คืนมันไม่ได้แล้ว มันก็ต้องค่อยๆ อ่านทั้งเทอม แบบอีกเดือนนึงจะสอบต้องเริ่มอ่านแล้ว บางคน 2 เดือนก่อนสอบก็อ่านแล้ว

6. ขึ้นชื่อว่าคณะวิศวะ เรียนหนักมาก! เคยเจอประสบการณ์การเรียนแบบหนักหน่วงบ้างมั้ย และข้ามผ่านมันมาได้ยังไง?

“เรียนคำนวณไม่เก่ง แต่ก็ไฟท์ กับการทำโจทย์จนถึงที่สุด

อย่างที่เราบอก เราเป็นคนไม่ชอบวิชาคำนวณมันก็เลยทำให้เรารู้สึกว่ามันยากนะ เพราะว่าเขาเอาความรู้ที่เราเรียนก็คือแคลคูลัสมาช่วยเรียนด้วยกัน มันทั้งยากทั้งหนักขึ้นเรื่อยๆ
ถ้าถามว่าเราผ่านมายังไง ก็เหมือนกันทุกครั้ง เราก็ต้องหัดทำโจทย์เอา หัดทำโจทย์เยอะๆ เข้าเรียนเยอะๆ

และอย่างตอนเราเตรียมตัวสอบตอนม.ปลายอ่ะ จะอ่านนิดนึงก่อนนอนแล้วมาเปิดก่อนสอบอีกที ใช่ไหม แต่ถ้าเป็นมหาลัย คือจะไม่ได้นอนเลยแล้วก็มาสอบเพราะว่าต้องจำเยอะมาก ซึ่งจะทำให้เราเข้าใจละว่าเราต้องใช้เวลากับการเตรียมตัวสอบแบบ ไม่ใช่ 1 อาทิตย์ไม่ใช่ 1 วัน แต่มันคือ 1 เดือนหรือเยอะกว่า ซึ่งก็ต้องปรับตัว แต่ในบางวิชาที่วิศวะจ๋าๆ คือได้ก็ได้เลย ไม่ได้ก็คือไม่ได้เลย เช่น เขียนแบบ เขียนโปรแกรม มันก็พยายามได้แต่ใช้ความมานะกับพรสวรรค์เยอะมากอยู่ และก็ต้องให้ความชอบด้วย

7. เส้นทางอาชีพหลังเรียนจบจะเป็นอย่างไร?

“จะไปสายวิศวกรต้องสอบ ก.ว. ซึ่งจะใช้อยู่ 8 สาขา”

ก็ถ้าจบไปทำงานเลยก็จะต้องสอบใบประกอบวิชาชีพวิศวกรรมที่เรียกกันย่อๆ ว่า ก.ว. แต่มันจะใช้แค่ 8 สาขาคือ เครื่องกล โยธา ไฟฟ้ากำลัง ไฟฟ้าสื่อสาร อุตสาหการ เหมืองแร่ เคมี และสิ่งแวดล้อม เค้าจะเรียกวิศกรรมควบคุม

แต่ก็มีที่ไปทำอาชีพที่ไม่ใช่วิศวกรแทนอย่าง พนักงานขาย การเงิน ฟรีแลนซ์ บางส่วนก็ต่อโท ก็มีทั้งต่อโททางวิศวะเลยแบบให้เฉพาะทางขึ้น แบบจบเครื่องกลแล้วไปเฉพาะทางด้านเครื่องบิน แต่ก็มีที่ไปต่อทางอื่นเหมือนกัน บริหาร บัญชี เศรษฐศาสตร์ อะไรพวกนี้

8.มีอะไรอยากฝากถึงน้องๆ บ้าง?

“ถ้าจัดการไม่ไหว จัดการคนเดียวไม่ได้ มองหาคนข้างๆ บอกให้เค้าช่วยเหลือนะ”

ตอนที่เราสอบเข้า เรามีปัญหาหลายอย่างเหมือนกัน ทำให้ความยากในปีนั้น มันไม่ใช่แค่เรื่องเตรียมตัวสอบ แต่มันมีเรื่องส่วนตัวด้วย มันก็เหนื่อยแหละ ก็ต้องแบ่งเวลาดีๆ เพราะเราต้องไม่ลืมว่าในอีกประมาณ 1 ปีข้างหน้าอีก 6 เดือนข้างหน้าหรืออีกไม่กี่เดือนข้างหน้าเนี่ย เราจะต้องสอบเข้ามหาลัยซึ่งมันก็สำคัญกับชีวิตเราเหมือนกัน ก็ต้องจัดการตัวเองอ่ะ

คือมันเหนื่อยนะ มันยากนะ แต่ว่าบางครั้งอ่ะ ถ้าเรารู้สึกว่าเราไม่ไหวเราจัดการมันคนเดียวไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นแค่เรื่องเรียนหรือเรื่องส่วนตัวก็ตาม เราแค่อยากเตือนให้ทุกคนเข้าใจว่ามันยังมีคนข้างๆ ช่วยเราอยู่เราอาจจะแค่ไม่รู้หรอกแค่จะต้องลองถามเขาว่าให้เขาช่วยเราได้ไหม ซึ่งเค้าก็จะช่วยทำให้เราผ่านเรื่องยากๆ ไปได้

ขอพี่ Buddy TCASter ทิ้งท้าย อย่างที่พี่เจมส์บอกไว้ว่า น้องๆ จะต้องปรับตัวมากในมหาวิทยาลัย แค่สอบเข้าว่ายากแล้ว เข้าไปได้แล้วยิ่งยากกว่าอีกหลายเท่าตัว ขอให้น้องเตรียมตัวเตรียมใจ ทำให้เต็มความสามารถของตัวเองที่สุด อย่าชะล่าใจในการเตรียมอ่านหนังสือ เนื้อหาหลายๆ วิชาค่อนข้างเยอะ และหนัก ขอให้น้องๆ หมั่นอ่านและทบทวนสม่ำเสมอ และช่วงเวลาที่ยากลำบาก หาใครสักคนมารับฟังนะครับ

Chill Chills

Chill Chills

Related post